"เรา fixed ราคาได้มากกว่า 90% และราคาขายในครึ่งปีหลังก็ดี ได้มากกว่า 95 เหรียญ/ตัน ทำให้เรามีความมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถึง 1 แสนล้านบาท"นางสมฤดี กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังจะเหวี่ยงตัวมากขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะมีการทำสัญญาขายล่วงหน้าถ่านหินไว้เกือบหมด และถ่านหินที่จำหน่ายเป็นถ่านหินคณภาพสูง
ส่วนการขายถ่านหินล่วงหน้าในปี 55 ขณะนี้ทำได้เพียง 10% ซึ่งโดยปกติภายในเดือน ธ.ค.จะมีสัดส่วนขายล่วงหน้า 40-50%
ทั้งนี้ เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียตั้งเป้าจะผลิตได้ 25 ล้านตัน โดยในครึ่งปีหลังได้พัฒนาเหมือง 2 แห่ง ได้แก่ เหมืองบารินโต คาดว่าในไตรมาส 4/54 จะเริ่มผลิตได้ 2 แสนตัน ปีหน้าเพิ่มเป็น 2 ล้านตัน และ 4 ล้านตันในปี 56 ขณะที่เหมืองทันดุงมายัง จะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3/54 จำนวน 5 แสนตัน
จากการพัฒนา 2 เหมืองดังกล่าวจะทำให้มีการผลิตในอินโดนีเซียปี 55 เพิ่มเป็น 27 ล้านตัน ในปี 56 เป็น 29 ล้านตัน และในปี 57-58 มีจำนวน 30 ล้านตัน
นางสมฤดี กล่าวว่า ขณะนี้ราคาซื้อขายเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียมีราคาแพง บริษัทจึงไม่เร่งรีบซื้อหาเหมืองใหม่ในระยะสั้น บริษัทหันกลับมาพัฒนาเหมืองเดิม โดยจะเพิ่มปริมาณถ่านหินมาเป็นปริมาณสำรองถ่านหิน(Reserve) ที่สามารถขุดได้ ฉะนั้นในเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลียก็จะทำลักษณะเดียวกัน โดยตามแผนจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตในปี 57-58 ในเหมือง Newstan Lochiel