นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) คาดว่าปี 54 จะเป็นปีที่บริษัททำกำไรและรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าปี 51 ที่มีกำไร 1.9 พันล้านบาท เนื่องมาจากการเติบโตในทุกธุรกิจทั้งโรงแรม การรับรู้รายการจากโครงการ St.Regis และการรับรู้รายการของ OAKS ที่บริษัทเพิ่มเข้าซื้อกิจการมา
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ MINT จะรับรู้รายได้จากธุรกิจของ OAKS เพียง 50% หรือคิดเป็น 2.3 พันล้านบาท จากรายได้ 4.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น แต่จะไปรับรู้เต็มที่ทั้งปีในปีหน้า โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1/55 และไตรมาส 2/55 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทเพิ่มเป็นกว่า 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% และสัดส่วนกำไรกว่า 20% จาก 10%
นางปรารถนา กล่าววว่า ธุรกิจโรงแรมในปีนี้ประเมินว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ 60% และกลับไปสู่สภาพปกติที่มีอัตราการเข้าพักที่เคยทำได้ในปี 51 ที่ 65% ในปี 56 ส่วนธุรกิจอาหารก็น่าจะเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น โดยช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้จะมีปัญหาเรื่องของต้นทุนบ้าง แต่บริษัทเชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้
“ครึ่งหลังโดยฉพาะในไตรมาส 3 เราเชื่อว่าการเติบโตของเราจะยังเติบโตได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่เติบโตสูงถึง 254% โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ในไตรมาส 4 การเติบโตคงจะน้อยกว่า แต่ก็ยังคงเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ 100% และปีนี้ไม่มีสถานการณ์เหมือนปีที่ผ่านมาด้วย"นางปรารถนา กล่าว
นางปรารถนา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผยซื้อกิจการโรงแรมเพิ่มเติมอีกในปีนี้ แต่คงจะเข้าซื้อแบรนด์อาหารเพิ่มเข้ามา โดยคาดว่าในไตรมาส 3/54 จะได้ข้อสรุปการซื้อแบรนด์อาหาร 1 แห่ง ซึ่งเป็นแบรนด์ต่างประเทศ พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้ 1 พันล้านบาทเพื่อรีไฟแนนซ์