ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ส.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากวาณิชธนกิจหลายแห่ง รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหาหนี้ยุโรป
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.6% แตะที่ 223.13 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 2552
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3016.99 จุด ร่วงลง 59.05 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5480.00 จุด ร่วงลง 122.80 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกลงมาอยู่ที่ระดับ 4.0% ในปี 2554 และ 4.4% ในปี 2555 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.1% ในปี 2554 และ 4.6% ในปี 2555 หลังจากที่เศรษฐกิจทั่วโลกขยายตัวช้าลงในไตรมาส 2 ปีนี้ อันเนื่องมาจากการค้าทั่วโลกที่ขยายตัวช้าลง และจากการที่หลายประเทศในยุโรปประสบกับปัญหาหนี้สาธารณะ
การประกาศลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกของโกลด์แมน แซคส์ มีขึ้นไม่นานหลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.9% จากเดิมที่คาดไว้ว่า จะขยายตัว 4.2% พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงสู่ระดับ 3.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขยายตัว 4.5% เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
นอกจากนี้ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยยตัว 2.5% และคาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีหน้าจะขยายตัวเพียง 0.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.9% หุ้นบีพีดิ่งลง 2.5%
หุ้น Stoxx 600 หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ร่วงลง 2.9% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นโฟล์คสวาเก้น ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรปร่วงลง 2.6% และหุ้นบีเอ็มดับเบิลยูดิ่งลง 3.4%
หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง ร่วงลง 4.8% และหุ้นธนาคารดอยช์ แบงก์ ดิ่งลง 2.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นออโตโนมี ซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ของยุโรป พุ่งขึ้น 72% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 หลังจากบริษัท ฮิวเล็ต-แพคการ์ด (เอชพี) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่สุดของโลก ตกลงเข้าซื้อกิจการออโตโนมีมูลค่า 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ครั้งที่ 2 ในคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาประเทศไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะขยายตัว 1.2% ลดลงจากการประมาณการครั้งแรกที่มีการขยายตัว 1.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมธนาคารกลางโลก ที่เมืองแจคสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 27 ส.ค.