นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL)คาดว่า รายได้ของบริษัทในปี 54 คาดว่าจะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากเชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 7.69 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 17.3% และคาดว่ากำไรในครึ่งปีหลังก็จะเติบโตดีกว่าครึ่งแรกของปี 54 เช่นกัน โดยมีกำไรสุทธิ 4.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% มีจำนวนสาขาร้านเซเว่น-อีเลเว่น เท่ากับ 6,086 สาขา
"ครึ่งปีหลังคงไม่มีปัญหายอดขาย หลังจากครึ่งปีแรกโตได้ดี ยอดขายทั้งปีเชื่อว่าสูงกว่าเป้าหมายที่โต 15% กำไรก็สูงกว่าเป้าหมาย คือคิดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายโต 17% เหมือนครึ่งปีแรก กำไรก็ใกล้เคียงครึ่งปีแรก"นายปิยะวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ กลยุทธ์บริษัทยังเน้นต่อไปที่กลุ่มอาหารที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยจะเพิ่มในส่วนเบเกอรี่ กาแฟ อาหารเสริม อีกทั้งในครึ่งปีหลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น
กรรมการผู้จัดการ CPALL เชื่อว่า นโยบายรัฐบาลขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน ผู้จบปริญญาตรีได้รับเงินเดือน 15,000 บาท และมีการประกันราคาสินค้าเกษตร จะช่วยทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้น ช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทสูงกว่าเป้าหมายที่ปกติจะตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายที่ 15%ต่อปี ขณะที่ต้นทุนค่าแรง ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ถ้ามีนโยบาย 300 บาท เราจะเติบโตมากกว่าเก่า ทำให้ยอดขายเราดี เป็นผลดีต่อบริษัท"นายปิยะวัฒน์ กล่าว
นายปิยะวัฒน์ คาดว่า ปี 54 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ 24-25% สูงจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยไม่ถึง 25% โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตปีละ 0.2-0.3% มาจากการมีผลิตภัณฑ์สินค้าหลากหลาย โดยสิ้นไตรมาส 2/54 มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.7% โดยแบ่งเป็นสินค้าอาหาร 25% ส่วนสินค้าไม่ใช่อาหาร 23.6% โดยสัดส่วนสินค้าบริโภค 73% ส่วนสินค้าอุปโภค 27%
ด้านนายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักการเงินและลงทุนสัมพันธ์ CPALL คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/53 แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยคาดว่าจะเติบโต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี 54
นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในแต่ละปีประมาณ 4 พันล้านบาท โดยปี 55 คาดว่าจะใช้งบ 4 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ตั้งงบลงทุนไว้ 4.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการขยายสาขาใหม่ปีละ 500 สาขาและปรับปรุงสาขาเดิม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจเฟรนไชส์มี 55% จากปัจจุบัน 52% และร้านที่บริษัทลงทุนเอง 45% จาก 48% ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 56 ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นจะครบ 7,000 สาขา โดยเน้นการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดและในจำนวนนี้สัดส่วน 15% ของจำนวนสาขาทั้งหมด อยู่ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ซึ่งบริษัทได้ต่อายุสัญญาไปอีก 12 ปีแล้ว
ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทล่าสุดกำลังก่อสร้างที่ จ.ลำพูน ซึ่งจะเสร็จไปปีหน้า จากปัจจุบันที่มี 5 ศูนย์แล้วที่กรุงเทพคอื ลาดกระบังและบางบัวทอง, สุราษฎร์ธานี, ขอนแก่น ทั้งหมดจะรองรับทั้ง 7,000 สาขา
นายเกรียงชัย กล่าวว่า การขยายธุรกิจร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นในต่างประเทศ ทั้งในประเทศจีน และแถบอาเซียนยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากยังต้องรอความคืบหน้าของออกใบอนุญาตจากเจ้าของเป็นบริษัท แต่คาดว่าหากมีการลงทุนจริงคงจะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก