บมจ.ธีระมงคลอุตสาหกรรม(TMI)คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 3/54 ดีกว่าไตรมาส 2/54 และช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังบริษัททยอยปรับขึ้นราคาสินค้าราว 5% นอกจากนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าอีก 1-2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1-2% ตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ TMI กล่าวว่า เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับราคาขายสินค้าเฉลี่ยขึ้นไป 5% จากช่วงไตรมาส 2/54 ที่ได้ตรึงราคาสินค้าไว้ แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะมีการปรับราคาขึ้นอีก 1-2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1-2% ซึ่งคงจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 167.92 ล้านบาท และกำไร 10.29 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการรวมปี 54 บริษัทยังคงมั่นใจว่ายอดขายจะโตตามเป้าที่ 20% และกำไรสุทธิเติบโตตามยอดขาย แม้ว่าปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของงบโฆษณา 10 ล้านบาทที่ใช้ในการโฆษณาสินค้าใหม่หลอดไฟ“กาตา"ซึ่งเริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 53 โดยในปีนี้สินค้าก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบในปีนี้บริษัทมีแผนออกมาสินค้าใหม่อีก 2-3 รายการ เช่น ชุดอิเล็กทรอนิกส์, ต้นแบบหลอดไฟ LED และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ LED DRIVER ส่วนเรื่องราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็สามารถปรับราคาขายสินค้าได้
ขณะที่ตลาดรวมธุรกิจหลอดไฟ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 8 พัน -1 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีนี้น่าจะทรงตัวหรือเติบโตไม่ถึง 5% จากปัจจัยกดดันเรื่องต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้ความต้องการสินค้าลดลง ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจหลอดไฟไม่ถึง 5% โดยการขายหลอดไฟมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 14% ของรายได้รวม ขณะที่รายได้หลักของบริษัทยังเป็นการขายบัลลาสต์และหม้อแปลงไฟฟ้าเกือบ 60%
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มการจำหน่ายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำหน่ายโกลบอลเฮ้าส์และโฮมเวิร์ค โดยปัจจุบันคุยอยู่ 2-3 ราย และคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 รายในไตรมาส 3/54 ส่วนที่เหลือคงภายในปีนี้
บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอผลรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีจาก BOI อีก 2 โครงการ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างโรงงานอีก 2 โรง และซื้อเครื่องจักรในการผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่าง ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 70-100 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการระดมทุนเพิ่ม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายไตรมาส 3/54 ถึงต้นไตรมาส 4/54
“เรามีแผนสร้างโรงงานอีก 2 โรง มูลค่า 70-100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขอ BOI คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้กลางปีหน้า...ส่วนเรื่องเครื่องมือทางการเงินก็พิจารณาอยู่ ก็ต้องรอกรรมการอิสระเห็นชอบด้วย เพราะศักยภาพเราก็ยังสามารถก็แบงก์ได้ในอัตราที่ไม่สูงมาก คิดว่าปิดงบไตรมาส 3/54 น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะใช้เครื่องมืออะไร"นายธีระชัย กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศจีนในการผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/54 นี้
“ร่วมทุนกับจีนก็ยังดูอยู่ แต่เรามองเรื่อง BOI ก่อน แต่คาดว่าไตรมาส 3/54 จะได้ข้อสรุป เขาชวนเราผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ มองตลาดอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเราก็มองคนละมุม ตอนนี้ขอมุ่ง 2 โครงการที่ขอ BOI กับตัว LED ก่อน ซึ่งถ้าจะทำก็ผลิตไม่น่าจะทันแล้ว"นายธีระชัย กล่าว