บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL)คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ 7.5 พันล้านบาท และปีหน้ารายได้จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีงานรอรับรู้รายได้(backlog)แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และมีงานที่รอเข้าประมูลอีก 6.28 หมื่นล้านบาทที่จะรู้ผลในปีหน้าประมาณ 50% บริษัทยังตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 57 พุ่งแตะ 2 หมื่นล้านบาท หลังจากหันมาเน้นงานต่างประเทศเป็นหลัก
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนโครงการด้นพลังงานในเอเชีย 2-3 ราย บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป
นายกอบชัย ธนสุกาญจน์ รองผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการเงิน TTCL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 54 ที่ 7,500 ล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปีก่อนตามเป้าหมายเดิม และในปี 55 จะเพิ่มเป็น 1,1500 ล้านบาท และใน 5 ปี(57)ตั้งเป้ารายได้ 20,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการเพิ่มรายได้ในต่างประเทศ
เนื่องจากงานในต่างประเทศให้อัตรากำไรสูงกว่างานในประเทศ และยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ในประเทศอย่างเดียว โดยจากการเพิ่มการงานในต่างประเทศ ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศในขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 10% ในปีก่อน และคาดว่าจะเป็น 50% ในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทมีปริมาณ backlog ราว 16,300 ล้านบาท ซึ่งกว่า 80% เป็นงานต่างประเทศ ประกอบด้วบ โครงการก่อสร้างโรงงานแยกสินแร่หายาก Rare Earth ประเทศมาเลเซียให้กับบริษัท ไลนาส (มาเลเชีย) จำกัด มูลค่าประมาณ 5,300-6,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ย ไดแอมโมเนียม ฟอสเฟต (Diammonium Phosphate) ที่ประเทศเวียดนาม มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท และงานอื่น ๆ คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 4,000 ล้านบาท และที่เหลือ 1.2 หมื่นล้านบาทจะรับรู้รายได้ในปี 55
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานหลากหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ มูลค่ารวม 6.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผล 50% ในปี 55 เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต รวมทั้งยังมีการรับรู้จากการเข้าลงทุนในบริษัท นวนครการไฟฟ้า บริษัทเข้าถือหุ้น 71% ของทุนจดทะเบีบน 1,525 ล้านบาท มูลค่างาน 4,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปี 54-55 ปีละ 2,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้ในไตรมาส 1/54 และโครงการนี้จะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.55
การเพิ่มสัดส่วนในต่างประเทศ ถือเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในช่วง 5 ปี ที่ตั้งเป้าจะเติบโตในต่างประเทศ โดยจะเป็นลักษณะร่วมทุนกับพันธมิตรในรูปแบบการถือหุ้นที่ปัจจุบันมีดีลในมือ 5-7 โครงการในเอเชีย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป 3 รายในธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมี บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท และใน 3-5 ปี จะเห็นการเข้าร่วมทุนในรูปแบบตั้งบริษัทดำเนินการทางธุรกิจในประเทศพม่าและอิรักเพื่อรายได้ที่ยั่งยืนและเป็นการเพิ่มรายได้ที่มากขึ้น