นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA)คาดว่ามีโอกาสปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินในปี 54 เพิ่มขึ้นจาก 1.5-1.8 พันไร่ในไตรมาส 3/54 ทั้งนี้ ขึ้นกับสถานการณ์การเมือง และการเซ็นสัญญาของลูกค้าที่บริษัทรอเซ็นสัญญา 2 ราย ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์จากญี่ปุ่นและยุโรป มี่เจรจาซื้อที่ดินรวม 1 พันไร่
ครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมียอดขายแล้ว 700 ไร่ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่ดินในมือ(Backlog)รวม 3 พันล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ Backlog จะเพิ่มเป็น 5-6 พันล้านบาท คาดว่าปีนี้จะรับรู้เป็นรายได้ 2 พันล้านบาท จากการปรับเปลี่ยนมาตรฐานทางบัญชีที่จะรับรู้เป็นรายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ
แต่ในปี 55 บริษัทคาดว่ายอดขายที่ดินจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จาก Backlog ที่มีอยู่ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์และการเมืองในประเทศนิ่ง ขณะที่เวียดนามสถานการณ์การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศลดลง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินรอขายจำนวน 1 หมื่นไร่ แบ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร 6-7 พันไร่ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 4 พันไร่ และคาดว่าในพื้นที่บางแปลงจะทยอยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.54 หลังจากบริษัทขยายถนนแล้วเสร็จ
"ตอนนี้ที่เราคุยกับลูกค้า เราเห็นสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาเยี่ยมในนิคมฯ เรา 30-40% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปกติ บางรายก็ร้องให้เราตั้งโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น แต่เราจะทำก็ต่อเมื่อมีการยอดจองถึง 60% ถึงจะสร้าง"นายวิบูลย์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานสำเร็จรูป 600-700 แห่ง ซึ่งถือว่าเพียงพอและยังสามารถรองรับความต้องการได้
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากการขายที่ดินเป็นหลัก โดยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาสัดส่วนอยู่ที่ 55% รายได้จากสาธารณูปโภค 26% ค่าเช่า 13% และอื่นๆ 6%
นายวิบูลย์ กล่าวว่า แนวโน้มรายได้จากสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทได้ทยอยสร้างโรงไฟฟ้า รองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิต 1,300 เมกะวัตต์ในปี 60 ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในนิคมฯมีเพียงพอที่จะรองรับการขยายตัวในนิคมฯ เป็น 30 ล้าน ลบ.ฟุต จากปัจจุบันมี 20 ล้าน ลบ.ฟุต
ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทย่อยเข้าตลาดหุ้นเวียดนาม นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนศึกษา โดยปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามมี P/E ปรีบลดลงมาเหลือ 5 เท่า จากที่เคยมี P/E สูงถึง 70 เท่า