ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์บวก 37 จุดจากคาดการณ์เบอร์นันเก้ใช้แผนหนุนศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 23, 2011 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในระหว่างการกล่าวสุทรพจน์ในที่ประชุมธนาคารกลางโลกซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 37.00 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 10,854.65 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.29 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 1,123.82 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 3.54 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 2,345.38 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า เบอร์นันเก้จะใช้เวทีการประชุมธนาคารกลางโลกที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในปีนี้ อันเนื่องมาจากภาวะซบเซาในภาคการผลิตและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ขณะที่อัตราว่างงานยังคงยืนอยู่เหนือระดับ 9%

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ เบอร์นันเก้จะแสดงความวิตกกังวลต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอาจปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมกับจะชี้แจงว่าเฟดยังคงมีมาตรการใดบ้างที่สามารถนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฟดได้ใช้เครื่องมือด้านอัตราดอกเบี้ยจนทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) อยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเฟดเพิ่งจะสิ้นสุดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จึงคาดว่าเบอร์นันเก้อาจจะมุ่งความสนใจไปที่งบดุลของเฟด และเลือกที่จะปรับเปลี่ยนขนาดและสัดส่วนของหลักทรัพย์ต่างๆในพอร์ทลงทุนของเฟด เพื่อช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์และดัชนีหลักตัวอื่นๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤตหนี้ยุโรป

อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายยังคงผันผวนเนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและยังคงเดินหน้าเทขายหุ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขายมากที่สุด โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลงเกือบ 8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ 30 ตัวในกลุ่มการเงินที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังจากธนาคารประกาศแผนปรับลดพนักงานอีก 3,500 ตำแหน่ง

ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลงกว่า 2% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 4.7% เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายในระบบการธนาคารของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้สามารถปิดบวกได้ โดยหุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด พุ่งขึ้น 3.6% ขณะที่หุ้นกูเกิล และหุ้นไอบีเอ็มทะยานขึ้นแข็งแกร่ง

ส่วนหุ้นโบอิ้ง โค ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากมีรายงานว่าสายการบินเดลต้า แอร์ไลนส์ เตรียมสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 100 ลำจากบริษัทโบอิ้ง

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2554 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ