นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวว่า ในปี 57 บริษัทคาดว่ายอดขายของบริษัทมีโอกาสแตะที่ระดับ 3,000 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้หันมาเจาะกลุ่มลูกค้าอาชีพเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีนี้ เช่น กลุ่มร้านค้าโชห่วย ร้านดอกไม้ ร้านทำผม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าร้านค้า ปัจจุบันมีสัดส่วน 40% ของลูกค้าทั้งหมด สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% แม้จะขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่ากลุ่มลูกค้าครัวเรือน แต่มีมูลค่าขายสินค้าเฉลี่ยที่สูงกว่า
สำหรับปีนี้ คาดว่ายอดขายเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 15% โดยช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโตแล้ว 8% ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่ายอดขายลดลงจากครึ่งปีแรกเล็กน้อย เพราะเป็นไปตามฤดูกาล ที่ปกติยอดขายช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 60% ของยอดขายรวม ส่วนครึ่งปีหลังอยู่ที่ 40% และทั้งปีคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิมากกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 68 ล้านบาท
"ปีนี้แม้ว่าแอร์จะขายได้ไม่ดี แต่กลุ่มอื่นๆก็มีมาชดเชย โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้า กลุ่มพาณิชย์ ซึ่งสินค้าขายได้ค่อนข้างดี คิดว่าน่าจะเติบโตได้ต่อในช่วงครึ่งปีหลัง" นายบุญยง กล่าว
สำหรับ NPL ของบริษัทในสิ้นปี 54 คาดว่าอยู่ที 4.5% จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ 6% โดยครึ่งปีแรกอยู่ที 4.99% ซึ่งเป็นไปตามยอดขายสินค้ากลุ่มพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น
นายบุญยง กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท จะทำให้ต้นทุนค่าแรงของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% แต่บริษัทจะหันมาปรับปรุงคุณภาพ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อชดเชยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่มองว่านโยบายดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีต่อบริษัทมากกว่า เนื่องจากทำให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ที่ได้รับอานิสงก์จากนโยบายรัฐบาลดังกล่าว คิดเป็น 70% ของลูกค้ารวมของบริษัท
"เรามองว่าการเพิ่มค่าแรงน่าจะเป็นผลบวกมากกว่า ลูกค้าจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราจะพยายามปรับปรุงคุณภาพและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งโดยรวมน่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย" นายบุญยง กล่าว