ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 322.11 จุดหลังตลาดเชื่อเฟดใช้แผนหนุนศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 24, 2011 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมธนาคารกลางโลกสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนมองว่ายอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงเกินคาดในเดือนก.ค.จะช่วยเพิ่มน้ำหนักการตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดด้วย นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและเยอรมนีได้ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 322.11 จุด หรือ 2.97% ปิดที่ 11,176.76 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 38.53 จุด หรือ 3.43% ปิดที่ 1,162.35 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 100.68 จุด หรือ 4.29% ปิดที่ 2,446.06 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 5.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในระหว่างวัน หลังจากเกิดแผ่นดินไหว 5.8 ริกเตอร์ในเขตอีสต์โคสต์ของสหรัฐ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดัชนีก็สามารถดีดขึ้นมายืนเหนือแนวต้านทางเทคนิคที่ระดับ 11,000 จุดได้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.นี้

นักวิเคราะห์จากเวลส์ แคปิตอล เมเนจเมนท์กล่าวว่า รายงานล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ของสหรัฐร่วงลง 0.7% สู่ระดับ 298,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 310,000 ยูนิตนั้น ถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่จะช่วยเพิ่มน้ำหนักการตัดสินใจให้เฟดใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากที่เฟดได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 จนจบโครงการไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ และมาร์กิต อิโคโนมิค ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI) ของจีน อยู่ที่ระดับ 49.8 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 49.3 จุด ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ของเยอรมนีทรงตัวอยู่ที่ 52 จุด ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 50.8 จุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานและกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นขานรับดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีนและเยอรมนี โดยหุ้นไอบีเอ็ม คอร์ป พุ่งขึ้นกว่า 3% หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 3.1% ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3% หุ้นเอ็กซอนโมบิล คอร์ป พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นเชฟรอน คอร์ป ทะยานขึ้น 4.3%

หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ระบุว่า จำนวนธนาคารสหรัฐที่ประสบปัญหาด้านการเงินในช่วงไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยหุ้นธนาคารยูบีเอสพุ่งขึ้น 5% แม้ธนาคารประกาศว่าจะปรับลดจำนวนพนักงาน 3,500 ตำแหน่งเพื่อประหยัดต้นทุนให้ได้ราว 2.5 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีหน้า

อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.9% และเป็นหุ้นเพียงตัวเดียวในกลุ่มการเงินที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการระดมทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกา

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2554 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ