นายสมเชาวน์ ตันเทิดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง(NCH) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายบ้านขึ้นประมาณ 5-7% หากรัฐจะนำมาตรการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาใช้ เพราะส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นแล้วบริษัทยังมีการก่อสร้างด้วยวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปบางส่วนเพื่อลดต้นทุน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดรับรู้ปรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดรับรู้ฯ 752 ล้านบาท และทั้งปีคาดว่าจะมียออดรับรู้ฯ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทมีบ้านพร้อมโอนมูลค่า 500 ล้านบาทที่ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความนิยม และยังมียอดขายรอโอน(backlog)อีก 500 ล้านบาท
แต่ในส่วนของยอดขายมองว่ามีโอกาสที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายไปที่ 3 พันล้านบาทในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2.4 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 1,680 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลใหม่ที่จะนำออกมาใช้ โดยเฉพาะเงินกู้บ้านหลังแรก 0% 5 ปี จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทในสัดส่วน 50-55%
ขณะเดียวกันครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 3.2 พันล้านบาท จากทั้งปีที่มีแผนเปิด 5 โครงการ โดยทั้ง 4 โครงการดังกล่าวนั้นบริษัทมีที่ดินอยู่แล้ว
"ผมมองว่าแนวโน้มราคาบ้าน อสังหาน ปรับขึ้นแน่นอนจากเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น คงอยู่ที่แบงก์ชาติจะควบคุมไม่ให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเร็วได้อย่างไร ถ้าของเราจะปรับก็ต่อเมื่อกลไกตลาดมันไป รวมถึงมาตรการค่าแรง 300 บาท เพราะมันมีทั้งดีและลบ เพราะตอนนี้ บริษัทมีต้นทุนค่าแรงงาน 30-33% ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการรายใดจะใช้กลยุทธหรือหาวิธีการมาลดต้นทุนได้ดีกว่ากัน"นายสมเชาว์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากจากนี้ไปไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็คาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเติบโตราว 10-20% โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลก