(เพิ่มเติม1) SIRI เปิดคอนโดฯ 9 แห่งมูลค่า 1.2 หมื่นลบ.ในH2,คาดรับรู้รายได้ 8 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 24, 2011 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.แสนสิริ (SIRI) ระบุว่าช่วงครึ่งหลังของปี 54 บริษัทมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมอีก 9 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท นำร่องด้วยโครงการคอนโด“เดอะ เบส แจ้งวัฒนะ"ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท พร้อมขายกลาง ก.ย.นี้ โดยคาดว่าทั้งปีจะมียอดขายคอนโดมิเนียม 1.2 หมื่นล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ราว 8 พันล้านบาท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม SIRI เปิดเผยว่า 8 เดือนที่ผ่านมา SIRI สามารถสร้างยอดขายคอนโดมิเนียมรวม 1,400 ยูนิต รวมมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ประกาศไว้ในช่วงต้นปี เพราะได้มีการปรับเพิ่มเป้าการขายอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส

ทั้งนี้ รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมมีสัดส่วน 40% ของรายได้รวมปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ทื่ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 8 พันล้านบาทใกล้เคียงกันปีก่อน โดยครึ่งปีแรกรับรู้ไปแล้ว 4 พันล้านบาท จากยอดขายรอการโอน(backlog) ณ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น บริษัทจึงต้องเร่งนำเสนอโครงการใหม่สู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เริ่มจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ เบส แจ้งวัฒนะ"รับกำลังซื้อในโซนเหนือของ กทม. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ SIRI โครงการดังกล่าวเป็นอาคารสูงประมาณ 24 ชั้น จำนวน 1,231 ยูนิต มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 24.5-35 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 47-50 ตร.ม.และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 4,000 ตร.ม.บริการรถรับส่งใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย(สายสีชมพู) โดดเด่นด้วยดีไซน์ Corner Window

นายอุทัย กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดคอนโดฯ ระดับราคา 1-3 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากตลาดดีมาก เช่นความสำเร็จของโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เบส โครงการแรกที่ปิดการขายได้ในเวลาเพียง 10 เดือน และมีเหลือขายเพียง 10 ยูนิตสุดท้าย ซึ่งกระแสตอบรับของโครงการเกิดจากการที่เราพัฒนาให้รวมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไว้ในที่เดียว

“กำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง 54 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 6% หรือราว 25,000 ยูนิต เนื่องจากมาตรการ LTV 90% ยังมีผลบังคับใช้อยู่ อุปทานในตลาดห้องชุดปัจจุบันเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก เกือบ 70% ในตลาด และยอดขายได้ส่วนใหญ่เกิดจากอุปสงค์ในกลุ่มนี้ ทั้งนี้ โซนชั้นนอก อาทิ มีนบุรี และนนทบุรี มีกำลังซื้อที่สูงขึ้น ห้องชุดตามเส้นทางรถไฟฟ้ายังได้รับการตอบรับที่ดี"นายอุทัย กล่าว

ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อตลาดคอนโดในครึ่งปีหลัง นอกจากเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังการเมืองเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว ปัจจัยทางด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและความคืบหน้าในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ น่าจะเป็นปัจจัยบวกส่วนหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญต่อปัจจัยทางด้านทำเลที่ตั้งในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมอยู่

นอกจากนี้ นโยบายและมาตรการต่างๆ ในการสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น นโยบายทางด้านภาษีหรือการสนับสนุนเงินกู้ในการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากโครงการใหม่ที่เปิดขายในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนใหญ่มียอดขายตอบรับดีในโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท และ 1-2 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตคาดว่าโครงการเปิดใหม่ที่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเน้นช่วงระดับราคานี้อยู่เช่นกัน

นายอุทัย คาดว่ารัฐบาลใหม่จะออกมาตรการบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดราคาบ้านที่ได้รับมาตรการนี้ราคาอาจจะถึง 5 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินค้าของ SIRI และมาตรการนี้จะกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ปัจจัยที่มีมีผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มคงที่ , เงินเฟ้อ คาดว่าจะนำควบคุมได้ที่ระดับ 4% หากราคาน้ำมันปรับลดลง, ต้นทุนทั้งค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง ซึ่ง SIRI ได้ล็อกราคาวัสดุก่อสร้างไว้ไปถึงปีหน้าแล้ว

อีกทั้งซัพพลายในตลาดคอนโดมิเนียมขณะนี้มีอยู่ไม่มากแล้ว โดยเมื่อสิ้นมิ.ย. ที่ผ่านมา มูลค่าคอนโดมิเนียมในภาพรวมมีอยู่ 3.8 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 53 ที่มี 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากไม่มีการเปิดใหม่จะขายได้หมดใน 9 เดือน ส่วน SIRI มีจำนวน 10 โครงการที่กำลังอยู่ระหว่างขาย จำนวนรวมประมาณ 1 พันยูนิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ