นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานการเงินกลุ่มบริษัท บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) คาดว่า ในปีนี้รายได้และกำไรคงใกล้เคียงปีก่อน ในส่วนของรายได้น่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 4 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 8% ถึงแม้ว่ารายได้ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาโดยเฉพาะจากต่างประเทศและเป็นช่วงฤดูกาล แต่จากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้รายได้ในครึ่งปีแรกไม่ดี และทั้งปีเต็มที่ก็เท่าปีก่อน
ในช่วง 6 เดือนแรก ยอดสั่งซื้อของสหรัฐ ยุโรป ลดลง และจากการที่ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นไป 30%
"ในช่วงไตรมาส 2 รายได้เราลดลง ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยดี จากปัญหายุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้นการที่เราทำรายได้ในปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนก็เก่งแล้ว" นางสุนันทา กล่าว
ทั้งนี้ จากผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้บริษัทปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอชียมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากเอเชียอยู่ที่ 30% สหรัฐฯ 35% ยุโรป 35% โดยเฉพาะการค้าปลีก ที่ตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จากค้าปลีกใน 3-5 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 35% จาก 20-25% ในสิ้นปีนี้ อีกทั้งค้าปลีกจะเป็นตัวเพิ่มกำไรให้ในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายร้านค้าปลีกในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยวางงบไว้รวม 180 ล้านบาท แบ่งเป็น ที่จีน 5 ศูนย์ อินเดีย 5 ศูนย์ แต่คาดว่าจะใช้เวลาในการคืนทุน (Break Event)ประมาณ 1 ปี ซึ่งนานกว่าเมื่อเทียบกับไทย เนื่องจากในจีน มีคู่แข่งมาก และต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์ และที่เหลือเป็นการลงทุนเครื่องจักรใหม่เพื่อทดแทนเครื่องจักรเก่า และมีแผนขยายแบรนด์ให้มากขึ้นจากปัจจุบันมี 12 แบรนด์ ซึ่งจะทำให้อัตราการทำกำไรสูงขึ้น
สำหรับราคาทองที่มีความผันผวนนั้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 30-31% จาก 33% ในปีก่อน จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันก็มีปัญหาในเรื่องการระบายสต็อก
นางสุนันทา กล่าวถึงในเรื่องของนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันของรัฐบาลว่า ต้นทุนค่าแรงไม่กระทบต่อบริษัท เพราะแรงงานของบริษัทเป็นฝีมือแรงงาน และที่ผ่านมาบริษัทมีการดูแลพนักงานในเรื่องการลดภาระค่าครองชีพให้ อาทิ มีข้าว มีคูปองให้ เป็นต้น ปัจจุบันต้นทุนแรงงานคิดเป็น 10% ของต้นทุนขาย
ส่วนในปี 55 คาดว่าแนวโน้มธุรกิจน่าจะดีกว่าปีนี้ ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกไม่มีวิกฤติกระทบ