ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งงบลงทุนราว 400 ล้านบาทปีนี้ในด้านวิจัยและการพัฒนาพนักงาน เพื่อรุกตลาดลูกค้าบุคคลมากขึ้น หลังจากครึ่งแรกปี 54 และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าหมายครองอันดับหนึ่งยอดเงินฝากและกองทุนรวมต่อเนื่อง ยอดสินเชื่อบุคคลเติบโตสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากปีที่แล้วมากกว่า 20% และจำนวนลูกค้าใหม่รวมประมาณ 2 ล้านรายในสิ้นปี 54
นายอำพล โพธิ์โลหะกุล รองกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังธนาคารจะใช้กลยุทธ์ FIT Management ในการพัฒนาธุรกิจลูกค้าบุคคลเพื่อครองตลาดลูกค้ารายย่อยในฐานะผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ Friendly & Professional staff การพัฒนาพนักงานผู้ให้บริการ ให้มีความรู้ มีคุณภาพเป็นมืออาชีพพร้อมส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า โดยตั้งงบประมาณในการพัฒนาพนักงานในปีนี้ จำนวน 100 ล้านบาท
ด้าน Innovative product & marketing การพัฒนานวัตกรรมการให้บริการและการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ได้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าสูงสุด โดยปีนี้ธนาคารให้งบประมาณด้านการวิจัยความต้องการลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาด จำนวน 300 ล้านบาท และ Technhology: Data mining & CRM การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านระบฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีโดนใจลูกค้า ซึ่งธนาคารได้มีการพัฒนาระบบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านบาท
ในปีนี้ธนาคารวางเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ จำนวน 2 ล้านราย ซึ่งครึ่งปีแรกสามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้แล้ว 1 ล้านราย และครึ่งปีหลังจะเพิ่มอีก 1 ล้านราย ซึ่งจะทำให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มเป็นประมาณ 10 ล้านราย ภายในสิ้นปี 54
ส่วนของนวัตกรรมทางการเงินที่ธนาคารจะใช้ในการบุกตลาดครึ่งปีหลัง ประกอบด้วยด้วย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคล ซึ่งจะมีการออกผลิตภัณฑ์และโครงการสำคัญ เช่น โครงการเดินบัญชีเพื่ออนาคต เพื่อช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีเอกสารแสดงรายได้สามารถขอสินเชื่อและบริการทางการเงินจากธนาคารได้ โดยขณะที่สินเชื่อบุคคลมียอดรวมครึ่งปีแรกกว่า 230,000 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปี 53 ถึง 7%
กลุ่มผลิตภัณฑ์การออมและการลงทุน ครึ่งแรกปี 54 มีเงินฝากและกองทุนรวมถึง 1.7 ล้านล้านบาท เป็นอันดับ 1 ในตลาด เติบโตจากสิ้นปีที่แล้ว 8% และครึ่งงปีหลังจะมีนวัตกรรมบริการที่แนะนำสู่ตลาด เพิ่มขึ้นอีก เช่น ประกันชีวิตมนุษย์เงินเดือน ซึ่งมุ่งคุ้มครองชีวิตและโรคร้าย รวมทั้งเป็นเงินออมสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ประจำ กองทุนคุ้มครองเงินต้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการฝากออมทรัพย์ กองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี LTF และ RMF ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของลูกค้าบุคคลในช่วงปลายปีเช่นกัน โดยมุ่งเป้าหมายการครองอันดับ 1 ของเงินฝากและกองทุนรวมอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท
กลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งธนาคารครองอันดับ 1 ในตลาด ได้แก่ บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (K-Mobile Banking) และบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (K-Cyber Banking) ซึ่งจะมีการออกนวัตกรรมบริการสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
และ บริการให้คำปรึกษา โดย K-WePlan ซึ่งจะช่วยในลูกค้าบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการวางแผนทางการเงินได้ง่ายขึ้น โดยที่ปรึกษามืออาชีพของเครือธนาคารกสิกรไทย นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มช่องทางให้คำปรึกษาที่มีรูปแบบทันสมัย เช่น การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ K-WePlan ผ่าน Face time บนไอแพด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในปี 54 ธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อรวมเติบโตที่ 7-9% แม้เศรษฐกิจมีสัญญาณการชะลอตัว ซึ่งการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตสอดคล้องและยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจ
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมยังคงเป้าหมายเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากครึ่งปีแรก มีรายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 6,400 ล้านบาท เติบโตได้แล้ว 20% ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ เงินโอน บัตรเครดิต และกองทุนรวม
นายอำพล กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการสนับสนุนบ้านหลังแรกและรถคันแรกว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการดังกล่าว แต่มีผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหรือกู้เงินแล้ว ซึ่งธนาคารมองว่าถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการประโยชน์สูงสุด ในภาวะการแข่งขันอย่างเสรี