นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวลงแรงในช่วง 2-3 วันนี้ไม่ได้มีเหตุผลมาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทปรับเปลี่ยน แต่เป็นผลจากต่างชาติย้ายเงินลงทุนจากหุ้นไปยังตลาดตราสารหนี้ทั้งพันธบัตร ตั่วเงินคลัง และหุ้นกู้ รวมถึงกรณีที่มีโบรกเกอร์ต่างชาติบางรายลดราคาเป้าหมายหุ้น BANPU ก็ถือเป็นเรื่องของแต่ละสำนักที่จะวิเคราะห์กันไป
"ราคาลงเยอะช่วงแรกต่างชาติอาจขายออกพอควรถ้าดูจากวอลุ่ม แต่ถ้าดูจากปัจจัยพื้นฐานหลักๆ ปีนี้เหมืองอินโดฯยังคงตั้งเป้าขายที่ 25 ล้านตันก็ยังอยู่ในเกณฑ์นี้อยู่ ราคาขายที่ทำได้แล้วเกือบ 100% มากกว่า 95 เหรียญฯ ส่วนช่วงที่เหลือปีราคาก็น่าจะสูงกว่าปี 53 แต่ครึ่งหลังของปีการซื้อขายจะค่อนข้างน้อยลงราคาก็จะถูกลงจากต้นปีบ้างเป็นปกติ"นายชนินทร์ กล่าว
อนึ่ง ราคาหุ้น BANPU วันนี้ยังคงร่วงแรงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน จนกระทั่งหลุดระดับ 600 บาทมาทำระดับต่ำสุดรอบกว่า 1 ปีจากความกังวลปริมาณความต้องการถ่านหินในระยะสั้นที่อาจปรับตัวลดลง หลังจาก China Coal Report ปรับลดคาดการณ์การนำเข้าถ่านหินของจีนในปีนี้ลง
นายชนินทร์ กล่าวถึงภาวะตลาดถ่านหินโดยรวม บวกการนำเข้าของจีน แม้การเติบโตของความต้องการถ่านหินในตลาดโลกจะช้าลงบ้างจาก 4% เหลือ 3% กว่า แต่คาดว่าความต้องการถ่านหินในเอเชียยังสูงขึ้นราว 5-7% ในปีนี้ เพราะถ่านหินมีราคาถูกกว่าพลังงานอื่น ประกอบกับความต้องการในญี่ปุ่นหลังเกิดปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ น่าจะทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินใน 2-3 ปีมีมากขึ้น
และแนวโน้มช่วงฤดูหนาวของจีนในช่วงปลายปีนี้น่าจะทำให้จีนต้องนำเข้าถ่านหินมากขึ้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา 7 เดือนแรกจะนำเข้าลดลง ซึ่งก็รับรู้ไปในราคาหุ้นไปแล้ว แต่มองว่าความกังวลเรื่องนี้อาจมีมากเกินไป ขณะที่ดัชนีราคาถ่านหินออสเตรเลียก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงมาก แม้จะอ่อนตัวลงบ้าง แต่เฉลี่ยยังอยู่ที่ประมาณ 120 เหรียญฯ/ตัน แกว่งตัวแคบๆ มาหลายเดือนแล้ว แต่เมื่อ 18 ส.ค.บวก 1.70 เหรียญ เพิ่มเป็นกว่า 121 เหรียญ/ตันแล้ว
แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 55 เชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากปีนี้ ตามปริมาณเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 45.3 ล้านตัน สูงก่าปีนี้ที่ตั้งไว้ 42 ล้านตัน หลังจากซื้อกิจการเหมืองออสเตรเลียเข้ามาเพิ่ม และเริ่มผลิตถ่านหินจากเหมืองเกาเหอในจีน โดยขณะนี้บริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้วราว 10% ซึ่งได้ราคาเหนือกว่า 100 เหรียญ/ตัน
บริษัทตั้งเป้ายอดผลิตถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย 27 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8% ซึ่งเริ่มเจรจาขายล่วงหน้าไปแล้ว 10% อ้างอิงราคามาตรฐาน(bench mark)เฉลี่ยราว 120 เหรียญ/ตัน ซึ่งสูงกว่าปี 53 ที่อยู่แถว 80 เหรียญ/ตัน ส่วนปี 56 มีเป้าหมายผลิตที่ 29 ล้านตัน
ส่วนการผลิตของเหมืองในออสเตรเลียมีเป้าหมายในปีหน้าที่ 15.3 ล้านตัน ส่งออก 37% หรือ 5.7-5.8 ล้านตัน ส่วนใหญ่มีการเจรจาตกลงราคาไปแล้วที่ 110-120 เหรียญ/ตัน ถือว่าได้ราคาค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นความเสี่ยงโดยเรวมของเหมืองอินโดนีเซียและ ออสเตรเลียไม่ได้ทำให้มีความกังวล
ด้านเหมืองเกาเหอในจีนคาดว่าผลประกอบการปีหน้าจะดีกว่าที่คาด เพราะมีราคาขายและปริมาณขายดีขึ้น โดยปีนี้ผลิตได้ 1.5 ล้านตัน ปี 55 จะเพิ่มเป็น 3 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าจะได้ราคาราว 720 หยวน/ตัน หรือ 130-140 เหรียญ/ตัน
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนงานสำหรับเหมืองทั้งในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และ จีน ในระยะข้างหน้าที่จะปรับเพิ่มปริมาณสำรองขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับราคาถ่านหินที่ดีขึ้นในขณะนี้ โดยคาดว่ามีการพิจารณาปรับปริมาณสำรองในเดือนก.พ.55 จากปัจจุบันปริมาณสำรองที่ 902 ล้านตัน เป็นของเหมืองที่อินโดนีเซีย 325 ล้านตัน ออสเตรเลีย 360 ล้านตัน และ จีน 216 ล้านตัน