ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 143.95 จุดหลังยอดซื้อสินค้าคงทนสหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 25, 2011 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากตลาดขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมธนาคารโลกสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 143.95 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 11,320.71 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 15.25 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 1,177.60 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 21.63 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 2,467.69 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด หลังจากบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เปิดเผยว่า สถาบันการเงินที่ได้รับการประกันเงินฝากโดย FDIC มีกำไรรวม 2.28 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.9 พันล้านดอลลาร์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ROA) ซึ่งเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพในการทำกำไร ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.85% จากปีที่แล้วที่ระดับ 0.63%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร KBW พุ่งขึ้น 24% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 11% หุ้นเจพีมอร์แกนดีดขึ้น 3% หุ้นซิตี้กรุ๊ปปรับตัวขึ้น 4.1% และหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส พุ่งขึ้นกว่า 3%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี พุ่งขึ้น 4% ในเดือนก.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% หลังจากที่ยอดสั่งซื้อรถยนต์พุ่งขึ้น 11.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2546 และยอดสั่งซื้อเครื่องบินเดือนก.ค.ทะยานขึ้น 43.4% หลังจากที่ดิ่งลง 24% ในเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์จากบีทีไอจีซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ของสหรัฐกล่าวว่า สัญญาทองคำในตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำและนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากเนื่องจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมธนาคารกลางโลก ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิงในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าเบอร์นันเก้อาจจะหลีกเลี่ยงการส่งสัญญาณใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 แต่เลือกที่จะปรับเปลี่ยนขนาดและสัดส่วนของหลักทรัพย์ต่างๆในพอร์ทลงทุนของเฟด เพื่อช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรั

หุ้นกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านพุ่งขึ้นแม้สำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) รายงานว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวลดลง 5.9% ในไตรมาส 2 ก็ตาม โดยหุ้นดีอาร์ ฮฮร์ตัน พุ่งขึ้น 5.7% และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส อิงค์ พุ่งขึ้น 4.6%

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาด เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับสูงถึง 35.36% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายในตลาด

หุ้นนิวมอนท์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองคำรายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 1.6% หลังจากราคาทองคำตลาดนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 100 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองทะยานขึ้นติดต่อกันหลายวัน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2554

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจากการประมาณการครั้งแรกที่มีการขยายตัว 1.3% อันเนื่องมาจากผลกระทบของอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก และภาคการผลิตที่ชะลอตัวลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ