(เพิ่มเติม) SATคาดยอดขาย-มาร์จิ้นครึ่งหลังดีขึ้น,ศึกษาร่วมพันธมิตรรุกอินโด-อินเดีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 26, 2011 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สมบูรณ์แอดวานซ์(SAT)คาดว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะเติบโต 27% จากครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 3.27 พันล้านบาท ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สะดุดลงในช่วงไตรมาส 2/54 เนื่องมาจากสถานการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในช่วงครึ่งปีหลังสูงขึ้นมาที่ 22% จาก 18% ในครึ่งปีแรก

เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่งผลให้ ยอดผลิตรถยนต์ในครึ่งปีหลัง เพิ่มเป็น 1 ล้านคัน จาก 8 แสนคันในครึ่งปีแรก และคาดว่าทั้งปี ยอดผลิตรถยนต์ จะอยู่ 1.8 ล้านคัน

บริษัทจึงคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนตามเป้าหมาย ตามการขยายตัวของธุรกิจในครึ่งปีหลังที่จะทำให้มีกำไรดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังสูงกว่าที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครึ่งปีแรกด้วย ซึ่งได้จ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.35 บาท

"เท่าที่เห็นยอดออเดอร์ทำให้เรารู้ว่า ไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 และ ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา คู่ค้าก็เพิ่มออเดอร์มากขึ้น สึนามิที่เคยเป็นปัญหาในไตรมาส 2 ก็หมดแรงกดดัน ทำให้เราเชื่อว่าในปีนี้ยังดี ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงกระทบบ้างแต่ไม่มาก คิดเป็นร 7-8% ของต้นทุนขาย ซึ่งบริษัทได้หาวิธีในการรองรับ ทั้งการนำเครื่องจักรเข้ามาและความสามารถของบริษัท" นายวีระยุทธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายในปี 54 เติบโต 15% หรือ 7.3 พันล้านบาท และอัตรากำไรข้นต้นทั้งปีอยู่ที่ระดับ 20%

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายทางธุรกิจที่จะมีการเติบโตของยอดขายราว 12-15% ในช่วง 3 ปี(54-56)ตามทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยบริษัทได้ประเมินจากคำสั่งซื้อพบว่า ลูกค้าเดิมได้มีการสั่งสินค้าเพิ่มจากการออกรถรุ่นใหม่และ รถโมเดลใหม่ ได้แก่ นิสสัน โตโยต้า ฮอนด้า ซูซุกิ เป็นต้น รวมถึง ยอดสั่งของคูโบต้าที่ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มชึ้น

นายวีระยุทธ กล่าววา ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซียและอินเดีย เนื่องจากความต้องการสินค้ารถยนต์สูงใน 2 ประเทศ โดยในช่วงปลายปีนี้จะหารือพันธมิตรทั้ง 2 ประเทศ คาดว่าจะได้ความชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้การที่บริษัทได้ลงทุนโรงหล่อ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งได้เปิดการผลิตในเฟสแรกเมื่อก.ค.ที่ผ่านมาจะส่งผลให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นในปีหน้าอีก 2.5 พันตันต่อ/เดือน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 3.0- 3.5 พันตัน/เดือน และยังทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอีก 1-2%

และปีหน้า บริษัทคาดงบลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท เป็นการลงทุนทั่วไป น้อยกว่าปีนี้ที่ใช้งบจำนวน 1.7 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ