ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงมุมมองในแง่บวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐว่า เศรษฐกิจในประเทศจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 134.72 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 11,284.54 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.53 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 1,176.80 จุด ดัชนี Nasdaq ขยายตัว 60.22 จุด หรือ 2.49% ปิดที่ 2,479.85 จุด
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น นักลงทุนมีปฏิกิริยาต่อถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยในช่วงแรก ดัชนีการซื้อขายร่วงลงทันทีหลังจากที่นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาดัชนีดีดตัวกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อีกครั้ง หลังจากที่ประธานเฟดแสดงมุมมองในแง่บวกต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเขาคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า สหรัฐอาจมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากอานิสงส์ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูง และภาวะชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่เป็นผลมาจากเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่น แต่ภาวะตกต่ำอย่างรุนแรงในภาคอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตการเงินครั้งประวัติศาสตร์เป็นสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวในขณะนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้าและไม่แน่นอน โดยเฉพาะแรงตึงเครียดทางการเงินที่เกิดขึ้นและยังดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
นายเบอร์นันเก้เสริมว่า เฟดจะยังเดินหน้าประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจากข้อมูลที่ได้รับและเตรียมความพร้อมในการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในแง่ลบ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการปรับทบทวนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ที่ระดับ 1% ต่อปี ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ 1.3%