ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากการที่ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในระยะยาว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 225.52 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5537.48 จุด ลบ 46.66 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3087.64 จุด ลบ 31.36 จุด
ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลง 1.18 จุด ปิดที่ระดับ 5,129.92 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับลดการประมาณการการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 2 ลงสู่ระดับ 1% ต่อปี จากเดิมที่ประมาณการไว้ในระดับ 1.3% อันเนื่องมาจากการชะลอตัวลงของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับการคาดการณ์ที่ว่า เยอรมนีอาจจะดำเนินการตาม 4 ชาติยุโรปซึ่งประกอบไปด้วยฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเบลเยียม ในการประกาศห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด โดยดัชนี Stoxx Europe 600 สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เนื่องจากตลาดขานรับการแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ในที่ประชุมธนาคารกลางโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูง และภาวะชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่เป็นผลมาจากเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่นนั้น เริ่มคลี่คลายลงแล้ว
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลง โดยหุ้นอัลฟา แบงก์ เอสเอ ดิ่งลง 6% ขณะที่หุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ ร่วงลง 5% ก่อนที่ธนาคารทั้งสองจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ส่วนหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ดิ่งลง 7.6% หุ้นพิเรอุส แบงก์ เอสเอ ร่วงลง 6.7%
หุ้นเอเม็ค ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมด้านน้ำมันและก๊าซของอังกฤษ ดิ่งลง 3% หลังจากโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “hold" จากระดับ “buy"