ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 30, 2011 07:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการเพิ่มเติมในการประชุมเดือนหน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.2% แตะที่ 228.28 จุด ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้น 1.27% แตะที่ 930.74 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3154.20 จุด บวก 66.56 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5670.07 จุด บวก 132.59 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% เนื่องจากความต้องการรถยนต์ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. มากกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในที่ประชุมธนาคารกลางโลกที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เฟดอาจจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมเฟดเดือนหน้า

หุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ เอสเอ และหุ้นอัลฟา แบงก์ พุ่งขึ้น แข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารทั้งสองตัดสินใจควบรวมกิจการกัน เพื่อจัดตั้งธนาคารแห่งใหม่ชื่อ อัลฟา ยูโรแบงก์ ซึ่งจะเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 1.50 แสนล้านยูโร (2.18 แสนล้านดอลลาร์) เงินฝากมูลค่า 8 หมื่นล้านยูโร และสาขา 2,000 แห่ง

ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นธนาคารตัวอื่นๆของกรีซพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ พุ่งขึ้น 29% หุ้นพิเรอุส แบงก์ พุ่งขึ้น 29%

หุ้นกลุ่มประกันของยุโรปพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นมิวนิค รี พุ่งขึ้น 4% หุ้นสวิส รี ดีดตัวขึ้น 4.4% หลังจากไคเนติก อนาไลซิส คอร์ป บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ได้ปรับลดมูลค่าการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันอันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนไอรีน ลงมาอยู่ที่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ