นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการเงิน-บัญชี บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) กล่าวว่า ยอดขายในเดือน ก.ค.54 ปรับลดลงประมาณ 10% จากยอดขายเฉลี่ยช่วง 6 เดือนแรก เนื่องจากลูกค้าได้ชะลอซื้อเพื่อรอความชัดเจนของรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าบริษัทจะมียอดขาย 1.6 พันล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกมียอดขาย 1.4 พันล้านบาท และทั้งปียังคงเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 3 พันล้านบาท และคงเป้าหมายรายได้รวมที่ 3 พันล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกทำได้ 1.2 พันล้านบาท แต่เชื่อว่า รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีขึ้น หากรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ และขยาย 1 เฟสใหม่ มูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใหม่เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ถ.รัตนาธิเบศน์ มูลค่า 400 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ถนนจรัญสนิทวงศ์ มูลค่า 1 พันล้านบาท และขยายเฟสใหม่ในโครงการชวนชื่น พระราม 2 เป็นบ้านเดี่ยว มูลค่า 500 ล้านบาท
"ยอดขายครึ่งปีหลังน่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยปัจจุบันมี backlog 1 พันล้านบาท เป็นคอนโดฯ 500 ล้านบาท และแนวราบ 500 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ที่เหลือเป็นโครงการใหม่ๆที่เราจะเปิดในปีนี้" นางสาวชุติมา กล่าว
สำหรับกลยุทธการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะหันมาสร้างบ้านพร้อมขายมากขึ้น เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้เร็วกว่าบ้านสั่งสร้าง และจะมาชดเชยรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่จะรับรู้รายได้เมื่อโอน และช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนซื้อที่ดินอีก 2-3 แปลง จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 1 พันล้านบาท ส่วนต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้าง ทำให้บริษัทได้ปรับเพิ่มราคาขายบ้านแล้ว 5% ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ส่วนจะปรับเพิ่มอีกหรือไม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนการก่อสร้าง ขณะที่การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทยอมรับว่าทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทจะต้องปรับตัวโดยการปรับขนาดบ้านให้เล็กลง และต้องปรับราคาขายในที่สุด
ส่วนความคืบหน้าโครงการคอนโดมิเนียม DEN วิภาวดีฯ โครงการแรกของบริษัท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 60% ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายพร้อมการก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 55
นางสาวชุติมา บริษัทได้ชะลอการเปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์เป็นปี 55 จากเดิมที่จะเปิดได้ในปีนี้ โดยจะหันมาเน้นโครงการสร้างบ้านพร้อมขายก่อน
และในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้ เนื่องจากยังไม่มีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก ประกอบกับดอกเบี้ยที่ยังผันผวน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ วงเงิน 3 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินและรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ