นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีบิลท์(PREB) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ปี 54 เป็น 3 พันล้านบาท จากที่คาดไว้ 2.75 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 55% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.93 พันล้านบาท หลังในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1.49 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 67.2 ล้านบาท
"ครึ่งปีแรกรายได้เราได้มากกว่าที่ตั้งไว้ ขณะที่กำไรของครึ่งปีแรกอยู่ที่ 67 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 62 ล้านบาท ทำให้เราตัดสินใจปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้น" นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้เป็น 2.5 พันล้านบาท จากเดิม 2 พันล้านบาท หลังมีงานในมือ(backlog) 3.6 พันล้านบาท คาดรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 30-40% และตั้งเป้าเพิ่ม backlog เป็น 4.7 พันล้านบาทภายในสิ้นปี 54 เนื่องจากบริษัทมีงานอยู่ระหว่างประมูลมูลค่า 2 พันล้านบาท เป็นงานก่อสร้างโรงงาน 2 โรง และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ บริษัทมีหวังจะได้รับงานราว 50%
"ส่วนการรับงานเพิ่มก็ดูเป้นแต่ละโครงการที่มีความเหมาะสม เนื่องจากต้องระมัดระวังเรื่องการบริหารต้นทุน ที่เกิดจากการคำนวณค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้าง หลังจากที่รัฐบาลใหม่ได้มีการประกาศนโยบายใหม่ๆเช่น การลดราคาน้ำมัน รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ"นายชัยรัตน์ กล่าว
ในส่วน บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด ที่ทำธูรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับปรับลดประมาณการรายได้ลงเหลือ 242 ล้านบาท จากเดิม 420 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการชะลอการโอนกรรมสิทธิคอนโดมิเนียมเป็นปีหน้า เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามนโยบายส่งเสริมการมีบ้านหลังแรก
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 โครงการ ได้แก่ เดอะเทมโป พหลโยธิน ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70% คาดว่าจะปิดการขายได้ปลายปีนี้ คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.และจะเริ่มโอนได้ราวเดือน ธ.ค. โดยตั้งเป้ายอดรับรูรายได้ในปีนี้ 35 ล้านบาท และโครงการเดอะเทมโป รัชดาฯ มูลค่า 290 ล้านบาท ที่เปิดขายเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มียอดขายแล้วกว่า 50% คาดจะเริ่มโอนพร้อมกับการก่อสร้างแล้วเสร็จในอีกหนึ่งปีครึ่ง ทั้งนี้ บริษัทมีแผนปรับเพิ่มราคาขายอีกประมาณ 5% เมื่อมียอดขาย 70%
ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดอีก 2โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะเทมโป เอ็ม ติวานนท์ คอนโดฯ 8 ชั้น จำนวน 166 ยูนิต มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ เดอะ เทมโป ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ จำนวน 36 ยูนิต มูลค่าโครงการ 126 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาวัสดุ และค่าแรงที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทจะมีการปรับราคาขายบ้านและคอนโดฯ ขึ้นราว 5-10% โดยจะเริ่มในไตรมาส 4/54 และในปี 55 บริษัทตั้งบซื้อที่ดินไว้ 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับการเปิดโครงการใหม่อีก 4-5 โครงการ โดยจะเน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก หลังความต้องการในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับ สามารถรับรู้รายได้เร็วกว่าโครงการคอนโดฯ ที่จะรับรู้รายได้เมื่อโอนโครงการเท่านั้น
ในส่วนบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล คาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 440 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 380 ล้านบาท เป็นไปตามแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่าแรงในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อพีซีเอ็มฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตพื้นและผนังสำเร็จรูป
"ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตพรีคาสท์อยู่ที่ 2 หลัง/วัน ลูกค้าหลักคือ LH ตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการขยายกำลังการผลิต หลังปัจจุบันความต้องการเพิ่มสุงมาก ก็คงจะต้องมีการซื้อที่และสร้างโรงงานแหล่งใหม่ คงลงทุนมากกว่าครั่งก่อนที่ใช้ไป 30-40 ล้านบาท คงไม่พอ เพราะปีที่ผ่านๆมาตลาดอสังหาฯโตมากโดยเฉพาะคอนโด แต่ปีนี้แนวราบเริ่มกลับมาแล้ว ถือเป็นลูกค้าของ PCM โดยตรง"นายชัยรัตน์ กล่าว