ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากคาดการณ์เฟดใช้ QE3

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 1, 2011 07:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากตลาดขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหลังจากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า คณะกรรมการเฟดบางคงเสนอให้มีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.9% แตะที่ 237.43 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5784.85 จุด พุ่งขึ้น 140.93 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3256.76 จุด พุ่งขึ้น 97.02 จุด

นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมเฟดที่ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายบางคนของเฟดได้ระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้มาตรการ QE3 ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอีก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.532 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9%

ตลาดหุ้นยุโรปได้ปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นเมื่อมีรายงานว่า คณะรัฐบาลของนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้อนุมัติข้อเสนอการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางด้านในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งรวมถึงการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุนดังกล่าวในการเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศยูโรโซน โดยคณะรัฐบาลเยอรมนีจะยื่นข้อเสนอดังกล่าวต่อรัฐสภาในวันที่ 5 ก.ย. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติข้อเสนอมาตรการดังกล่าวในวันที่ 29 ก.ย.นี้

หุ้นสมิธ แอนด์ เนฟิว ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางกายภาพสำหรับใช้ในวงการแพทย์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะ เดลี เมล์รายงานว่า บริษัท ไบโอเมติก อิงค์ อาจจะเสนอซื้อกิจการสมิธ แอนด์ เนฟิว มูลค่า 900 เพนซ์ต่อหุ้น

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยูพุ่งขึ้น 3.9% ขณะที่หุ้นพิเรลลี แอนด์ ซี ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป พุ่งขึ้น 6.7% และหุ้นวาเลโอ เอสเอ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศส ทะยานขึ้น 8.8%

อย่างไรก็ตาม หุ้นดอยช์ เทเลคอม ร่วงลง 7.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในรอบ 15 เดือนหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐขัดขวางไม่ให้บริษัทเอทีแอนด์ที ควบรวมกิจการกับที-โมบาย ยูเอสเอ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีไร้สาย

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารของกรีซร่วงลง โดยหุ้นพิเรอุส แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของกรีซ ดิ่งลง 15% หลังจากธนาคารอย่างขาดทุนอย่างหนักในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากมีการปรับลดมูลค่าพันธบัตรของรัฐบาลกรีซที่ทางธนาคารถือครองอยู่ ขณะที่หุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ดิ่งลง 8.3% และหุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ ทรุดตัวลง 17%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ