นายเผด็จ หงษ์ฟ้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการจำหน่ายภาพยนตร์ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปโดยเฉพาะผู้ที่มีเวลาน้อย และไม่ต้องการไปดูในโรงภาพยนต์ ซึ่งช่องทางดังกล่าวในต่างประเทศเติบโตค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ บริษัทกำลังพิจารณาว่าลงทุนเองหรือร่วมกับพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามา 2-3 ราย และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ และเริ่มให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการนำภาพยนตร์ที่บริษัทเป็นผู้สร้างมานำเสนอก่อน
"ตอนนี้ trend ในการดูหนังเปลี่ยนไป เท่าที่เราเห็นพฤติกรรมสนใจดูผ่านบรอดแบนด์กันมาขึ้น ดูตลาดต่างประเทศ trend ก็มาในรูปแบบนี้กันแล้ว การเช่าหนังจากร้านก็ลดลง แต่เราคงต้องศึกษาในด้านโครงสร้างราคา และพันธมิตร ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้นอกเหนือรายได้ในปัจจุบัน" นายเผด็จ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะเติบโตจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในด้านกำไรสุทธิคาดว่า ปี 54 จะมีกำไร 70 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 60 ล้านบาท โดยครึ่งแรกมีกำไร 43 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และเป็นช่วงไฮซีซันของหน้าหนังที่จะเข้ามามากและเป็นหนังฟอร์มใหญ่
อีกทั้งหนังเก่าที่นำมาขายใหม่ก็มียอดขายที่เพิ่มขึ้น 40-50% โดยในปีนี้จะมีภาพยนตร์เข้าฉายทั้งหมด 36 เรื่อง หรือ 3 เรื่อง/เดือน และจะมีการซื้อหนังไทยจากผู้สร้างอิสระเข้ามาฉายอีกปีละ 4 เรื่อง รายได้รวมทั้งปีคาดว่าจะโต 10-15% แตะ 1.2 พันล้านบาทจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยแนวโน้มกำไรที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะเห็นการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปี 54 ได้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราการจ่ายปันผลระหว่างกาลที่จ่ายในอัตรา 0.02 บาท/ หุ้น ซึ่งรวมกันน่าจะจ่าได้มากกว่านโยบายของบริษัทที่กำหนดจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิ และการจ่ายปันผลในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่จัดตั้งบริษัท