นายครรชิต ควะชาติ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม็นท์ (WORK) กล่าวว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็น 1.8 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.3 พันล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำกำไรสุทธิที่ราว 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากผลประกอบการครึ่งปีแรกออกมามีกำไร 210 ล้านบาท เติบโตถึง 158% บริษัทก็จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในเดือน ก.ย.นี้ โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไร
นายครรชิต กล่าวว่า รายได้หลักของบริษัทในปีนี้ยังคงมาจากธุรกิจโทรทัศน์ โดยจะมีรายการเพิ่มเป็น 16 รายการ จากปัจจุบัน 15 รายการ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 18-19 รายการ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ในปีหน้าให้สูงขึ้นได้ตามเป้าหมาย จากการเติบโตของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มคือ โทรทัศน์ อีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง สิ่งพิมพ์ และภาพยนตร์
ในส่วนของรายการโทรทัศน์คาดว่าครึ่งปีหลังเม็ดเงินโฆษณาจะชะลอลงบ้าง เนื่องจากครึ่งแรกเติบโตมากจากการเลือกตั้ง แต่ทั้งปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 12%
นอกจากนั้น บริษัทยังวางแผนขยายธุรกิจไปยังโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมภายใต้แบรนด์"เวิร์คพอยท์ทีวี"ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท จะสามารถออกอากาศได้ในเดือน ม.ค.55 โดย 1 ช่องเป็นรายการที่บริษัทผลิตเอง อีก 1 ช่องเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร โดยจะมีการเจรจากับสปอนเซอร์เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีรายได้เข้ามาคุ้มกับวงเงินลงทุน จึงเชื่อว่าจะไม่ขาดทุน และการเติบโตก็จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
บริษัทยังขยายธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยการจัดตั้งสำนักพิมพ์"กิมชิค"เงินลงทุน 20 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตหนังสือ-สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ออกวางจำหน่ายได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะกระจายแหล่งรายได้ให้กับบริษัท เพื่อจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว
นายครรชิต กล่าอวีกว่า บริษัทยังมีแผนเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นเฉลี่ย 2-3% ทุกปี โดยตั้งเป้าหมายระยะยาวที่จะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 24-25% ในปี 57 ซึ่งเป็นอัตราที่เคยทำได้สูงสุดในปี 50 แต่ในปีนี้คงจะอยู่ที่ 16-17% ซึ่งจะมาจาการสร้างมูลค่าเพิ่มจากพื้นที่โฆษณาในสื่อต่าง ๆ การบริหารต้นทุน และการเติบโตไปตามภาพรวมอุตสาหกรรม
บริษัทยังมีแผนเพิ่มสภาพคล่องหุ้นที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(free float)ให้เป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือในทีป่ระชุมคณะกรรมการบริษัทบ้างแล้ว แนวทางเบื้องต้นอาจจะหาผู้ที่สนใจเข้ามาถือหุ้น ซึ่งก็มีนักลงทุนเคยแสดงความสนใจมาบ้างแล้ว โดยบริษัทจะพิจารณาพันธมิตรที่มีความสามารถ มีเทคโนโลยีและต่อยอดธุรกิจได้