นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) เปิดเผยว่า ปี 54 จะมีรายได้ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.5 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ คือการที่บริษัทหันมาผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองซึ่งมีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์เติบโตอย่างต่อเนื่องอาทิเช่น หมูแผ่นอบกรอบ หมูอบปรุงรส เป็นต้น ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้มีการทยอยปรับขึ้นราคาขายสินค้าไปแล้ว 10% ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะไม่มีการปรับราคาแล้ว
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าลดสัดส่วนการส่งออกจะลดลงเหลือ 9% จากปีก่อนที่ 13% ของยอดขายรวม เนื่องจากภาวะเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ไม่คุ้ม และเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวน
"ปีนี้เรามีเทรนด์ที่เติบโตได้ดี กำลังการผลิตใน 4 โรงงานรวม 1.2 หมื่นตัน/ปี ก็ทำแทบจะไม่ไหว แต่เราก็สามารถทำได้อีก 20-30% ไม่ต้องห่วง ส่วนราคาหมูที่ปรับขึ้นเราก็จะบริหาร รับกำไรน้อยหน่อยก็ได้ แต่ถ้าเยอะก็ปรับขึ้น สามารถทำได้เชื่อว่าทุกคนเข้าใจ"นายเจริญ กล่าว
และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 80 ล้านบาท โดยจะใช้ในการซื้อเครื่องจักรจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ทดแทนปัญหาแรงงาน ที่แนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำจะต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท/เดือน ตามนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และปี 55 ตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้าในประเทศ รวมถึงการส่งสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศ นอกจากนี้ยังใช้ในการขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ZAAP จำนวน 6 สาขาในปีหน้า จำนวน 60 ล้านบาท
นายเจริญ กล่าวต่อว่า ปี 55 บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นที่ประเทศศรีลังกา โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทจะเริ่มทยอยส่งสินค้าไปขายก่อนเพื่อทดลองตลาดฯ นอกจากนี้จะใช้ประเทศศรีลังการเป็นฐานในการส่งสินค้าไปยังประเทศอินเดียด้วย นอกจากนี้บริษัทยังสนใจที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในยุโรปด้วย