ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกตัวเลขจ้างงานสหรัฐฉุดดาวโจนส์ร่วง 253.31 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday September 3, 2011 06:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียกับเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนักไปทั่วตลาดการเงิน และยังทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 253.31 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 11,240.26 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 30.45 จุด หรือ 2.53% ปิดที่ 1,173.97 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 65.71 จุด หรือ 2.58% ปิดที่ 2,480.33 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนที่ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐไม่มีการขยายตัว ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 9.1% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 68,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ประเมินว่าเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง

สตีเฟน กิลโฟเยิล เทรดเดอร์ในตลาดหุ้นนิวยอร์กกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลอย่างมากว่า ความอ่อนแอของตลาดแรงงานจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจ และตัวเลขจ้างงานล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มคาดว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้อาจจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

ความตื่นตระหนกที่มีต่อตัวเลขจ้างงานของสหรัฐส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาด พุ่งขึ้น 6.6% สู่ระดับ 33.92% อีกทั้งยังทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2% และหุ้นราคาทองพุ่งขึ้นกว่า 47 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยกว่าตลาดหุ้น

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนและภาคธุรกิจในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนส.ค. ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากระดับ AAA จึงมีความเป็นไปได้ว่าความกังวลในเรื่องดังกล่าวอาจทำให้นายจ้างไม่กล้าที่จะจ้างงานเพิ่มในเดือนส.ค.

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 3.8 พันล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปี 2554 อยู่ประมาณ 11% เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากได้พากันออกไปอยู่นอกตลาดก่อนที่จะถึงวันหยุดในสหรัฐ

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 8% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหากภาวะธุรกิจของธนาคารย่ำแย่ลง

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สำนักงานบริการการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) เตรียมยื่นฟ้องธนาคารขนาดใหญ่กว่า 10 แห่ง ซึ่งอาจจะรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส, โกลด์แมน แซคส์ ดอยช์ แบงก์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา โดย FHFA ระบุว่าธนาคารเหล่านี้บิดเบือนคุณภาพของสัญญาจำนองที่ทางธนาคารนำออกมาขายในช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ นอกจากนี้ ธนาคารเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะของสัญญาจำนองตามที่กฎหมายหลักทรัพย์ระบุไว้ และมองข้ามหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าลูกหนี้จำนองแจ้งยอดรายได้ที่ผิดพลาด หรือสูงเกินจริง

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 4.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงกว่า 5% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก แลหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลงกว่า 4%

*ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 5 ก.ย.เนื่องในวันแรงงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ