นายปรีย์มน ปิ่นสกุล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GRAMMY) คาดว่าในปี 54 รายได้และกำไรจะเติบโตเป็นไปตามที่โบรกเกอร์ประเมิน ที่มีรายได้ 9 พันกว่าล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยังนิยมเพลงและ ภาพยนตร์
รวมถึงการเติบโตของธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ทั้งนี้คาดว่า จะเริ่มออกอากาศในวันที่ 1 พ.ย. 54 ส่วนรายได้จากการขาย settle box ในปีนี้คาดว่าจะได้ 5 แสนกล่อง โดยธุรกิจนี้บริษัทลงทุน 1 พันล้านบาท
"ปีนี้ธุรกิจทุกตัวเติบโตหมด ธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่จะทำให้เรามีรายได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่โบรกฯประเมินไว้ ที่เราเห็นน่าจะทำได้อย่างแน่นอน โดยธุรกิจทีวีดาวเทียมที่ดึงดูดเงินในอนาคต เพราะปัจจุบันมีกว่า 13 ล้านครัวเรือนที่บริโภคและมองว่าใน 2 ปีข้างหน้า คนจะหันมาดูผ่านทีวีดาวเทียมกันหมด"นายปรีย์มน กล่าว
นายปรีย์มน คาดว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 4/54 จะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากไตรมาส 3/54 ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น และไม่มีหนังใหม่ ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรในไตรมาส 3/54 จะต่ำกว่าไตรมาส 2/54 จากที่มีรายได้ 2.5 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 253 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/54 จะมีหนังเข้าฉายจำนวนมาก และเป็นช่วงไฮซีซั่น รวมถึงมีรายได้จาก settle box เข้ามาด้วย
โดยในไตรมาส 4/54 บริษัทจะมีหนังเข้าฉายใหม่ 1 เรื่อง ชื่อ"Top Secret" ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมและสร้างรายได้เหมือนเรื่อง"ลัดดาแลนด์" ที่มีรายได้ประมาณ 117 ล้านบาท ในบ๊อกซ์ออฟฟิศ
ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทคงมาจากธุรกิจเพลง มีสัดส่วน 30% โดยในครึ่งปีหลังจะมีอัลบั้มออกใหม่ 35-40 อัลบั้ม , รองลงมาธุรกิจมีเดีย มีสัดส่วนรายได้ 30% ซึ่งขณะนี้เติบโตตามอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลือ 40% ได้แก่ ธูรกิจภาพยนต์ ทีวีดาวเทียม และอื่นๆ