นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) กล่าวว่าบริษัทปรับลดเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรก ยอดขายสมาร์ทโฟนไม่ได้เติบโตอย่างที่คาด ส่งผลให้ยอดขายครึ่งปีแรกลดลงมาที่ 4.4 พันล้านบาท
แต่คาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายน่าจะดีกว่า โดยในไตรมาส 4 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3 หลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์ หันมาเน้นสินค้าไอซีแพกเกจ ที่มีมาร์จิ้นสูง และมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น รวมทั้งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แม้ว่าซัพพลายเออร์รายใหญ่ ลดลงจากการควบรวม แต่ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ในธุรกิจอื่น เช่นมัลติมีเดีย กล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นความต้องการใหม่ ทำให้ความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เพิ่ม
นอกจากนี้ บริษัทหันไปเน้นสินค้าประเภท RFID ที่ใช้เป็นระบบบาร์โค้ด ซึ่งมองว่าเป็นสินค้า high growth high margin ที่มีแนวโน้มอนาคตดี เช่น วอล์มาร์ท นำไปใช้ในห้างแล้ว และสินค้าตัวนี้จะไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจโลก
"การรักษากำไรให้เท่ากับปีก่อน ( 530 ล้านบาท) คงจะเหนื่อยมากในสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากที่ครึ่งปีแรกกำไรต่ำกว่าครึ่งแรกปีก่อน" นายพลศักดิ์ กล่าว
ในครึ่งแรกปี 54 กำไรสุทธิ 202 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนในช่วงเดียวกันที่มีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายพลศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนอัตรากำไรสุทธิ บริษัทพยายามทำให้ดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกทำได้ในอัตรา 4.58% จากปี 53 ทั้งปีทำได้ 4.00% ซึ่งบริษัทจะทำให้ได้สูงกว่าปีก่อนตามสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อหุ้นคืน เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้น SMT ผันผวน เพราะช่วงหนึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ปล่อยหุ้นออกมามากในตลาด แต่ระยะหลังเห็นว่า ราคาหุ้นปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดว่าการเข้าซื้อหุ้นคืนจะช่วยลดความผันผวนของราคาห้นที่ผิดปกติ แต่บริษัทต้องเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณา ที่ปกติจะประชุมเมื่อปิดงบรายไตรมาส โดยอาจจะเรียกประชุมก่อนได้