บมจ.เอ็ม บี เค(MBK) คาดว่างวดปี 54/55 (สิ้นสุด มิ.ย.55) รายได้เติบโตราว 10% และกำไรจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการใหม่คือ พาราไดซ์ พาร์ค และ เดอะ ไนน์ เต็มที่ทั้งปี ขณะที่บริษัทจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ยปีละ 4% เป็นปกติเหมือนทุกปี
บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินที่มีอยู่ย่านรัชดาภิเษก, ปทุมธานี และ ภูเก็ต ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม พร้อมกันนั้นยังได้เจรจาซื้อโรงแรมใหม่เพิ่มเติม แต่ยังไม่มีข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ และยังสนใจจะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมหากมีพันธมิตรมาเชิญชวนร่วมลงทุน หลังจากจับมือเครือโรงแรมดุสิตธานีเข้าไปซื้อกิจการที่มัลดีฟแล้ว
ส่วนผลประกอบการงวดปี 53/54 สิ้นสุด 30 มิ.ย.54 MBK และบริษัทย่อย กำไรปี 54 เท่ากับ 1.29 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.54 บาท จะมีการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในภายในเดือนนี้เพื่อพิจารณาจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลือให้กับผู้ถือหุ้นราวเดือน พ.ย.คาดว่าจะจ่ายได้ไม่ต่ำกว่าเดิม โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท/หุ้น งวด 1 ก.ค.-31 ธ.ค.53
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ MBK เปิดเผยว่า งวดปี 54/55 (ก.ค.54-มิ.ย.55)คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.3 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.29 พันล้านบาท
รายได้หลักในงวดปีนี้มาจากธุรกิจค้าข้าว ศูนย์การค้าเปิดใหม่ ชื่อ เดอะไนน์ และ พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปี หลังจากได้เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงรายได้จากการซื้อโรงแรมลันตาแลนด์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 400 ล้านบาท จากยอดขายขณะนี้อยู่ที่ 80-90%
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการอีกหลายแห่ง ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า และที่ดินเปล่า และพร้อมจะเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศ แต่ต้องเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดธุรกิจโรงแรมที่มัลดีฟ มูลค่าโครงการ 2.3-2.4 พันล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 30% คิดเป็นเงินลงทุน 300-400 ล้านบาท คาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน ธ.ค.55 และเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน ม.ค.55
สำหรับธุรกิจศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ขณะนี้มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจโรงแรมปีนี้มีอัตราการเข้าพักดีกว่าปีก่อนที่มีปัญหาการเมือง ซึ่งหลังการซื้อโรงแรมลันตาแลนด์แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีโรงแรมทั้งหมด 4 แห่ง(MBK ถือหุ้น 100%)
ขณะที่ที่ดินเปล่าปัจจุบันมี 3 แปลงเตรียมพัฒนาในงวดปีนี้ ที่ดินใน จ.ปทุมธานี จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่า 200 ล้านบาท ราคาขายอยู่ที่ 8.9 ล้านบาท/หลัง ส่วนย่านรัชดาฯ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม มูลค่า 1.4-1.5 พันล้านบาท และที่ จ.ภูเก็ต จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวเฟส 2 มูลค่า 450-500 ล้านบาท ราคาขาย 4-10 ล้านบาท/หลัง
บริษัทยังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ก.ย. พิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดปี 53/54 ในอัตราไม่ต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่มีการลงทุนใหม่ ๆเพิ่มขึ้นมาก
ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน จะเป็นต้นทุน 3-4%ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และหากรวมการปรับเพิ่มเงินเดือนขั้นต้นปริญญาตรี ที่ 15,000 ล้านบาท จะทำให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นเป็น 4-5%