นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ของ บมจ.ปตท.(PTT) ซึ่งเป็นโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ มีกำลังการแยกก๊าซธรรมชาติสูงสุด 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 1-3 และหน่วยที่ 5 ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 นี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศ และผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) รองรับความต้องการใช้ภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติที่จัดหาได้จากอ่าวไทย และเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสามารถผลิตก๊าซอีเทนได้สูงสุดประมาณ 630,000 ตันต่อปี ก๊าซโพรเพนและก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ประมาณ 1,030,000 ตันต่อปี และก๊าซโซลีนธรรมชาติ(NGL) ประมาณ 160,000 ตันต่อปี รวมกัน 1,820,000 ตันต่อปี
โรงแยกก๊าซฯ ดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติด้วยการนำผลิตภัณฑ์ไปเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางและขั้นปลายที่สามารถต่อยอดไปในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายประเภท อาทิ เครื่องบรรจุภัณฑ์อาหาร ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ สายไฟและเคเบิ้ล และเครื่องใช้ภายในครัวเรือน ฯลฯ และนอกจากจะช่วยลดภาระการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมแล้วยังช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงานในประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ รมว.พลังงาน ยังเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว(Map Ta Phut LNG Terminal) ของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 460 ไร่ ใน ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง สร้างขึ้นเพื่อรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ของ PTT และสนองความต้องการการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ
นายประเสริฐ กล่าวว่า สถานีรับจ่าย LNG แห่งนี้มีความสามารถรับและจ่าย LNG ในระยะแรก 5 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถขยายเป็น 10 ล้านตันต่อปีในอนาคต หรือเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยสถานีรับ-จ่าย LNG แห่งนี้ ประกอบด้วย ถังเก็บ LNG ขนาด 160,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง และท่าเรือซึ่งมีศักยภาพในการรองรับเรือบรรทุก LNG ขนาดตั้งแต่ 125,000-264,000 ลูกบาศก์เมตร โดยก่อสร้างแล้วเสร็จและทำการทดสอบความพร้อมใช้งานตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.54 และสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Map Ta Phut LNG Terminal แห่งนี้มีศักยภาพที่จะเติบโต และพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยมีความมั่นคงทางด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น