(เพิ่มเติม) ฟิทช์ให้อันดับเครดิต SCBS ที่ A+(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 7, 2011 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ได้จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ที่ 'A+(tha)' และความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)' โดยให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ

การจัดอันดับเครดิตของ SCBS สะท้อนให้เห็นถึงสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมดและการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นคือ ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) หรือ SCB (ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทยตามขนาดสินทรัพย์ และมีความแข็งแกร่งในส่วนของธุรกิจธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย และการที่ SCBS ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานกับ SCB แผนการดำเนินธุรกิจของ SCBS จึงมีความสอดคล้องกับธนาคารแม่ นอกจากจะมีการเชื่อมโยงในส่วนของคณะผู้บริหารระดับสูงและการใช้ชื่อของธนาคารแม่ในการดำเนินธุรกิจแล้ว ทาง SCBS ยังได้โอนสายงานที่เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง ทรัพยากรบุคคล บัญชีและการเงิน การตรวจสอบและกำกับดูแล และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปยัง SCB ตั้งแต่ปี 2552

SCBS มีธุรกิจหลัก คือ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 77% ของรายได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2554 SCBS ได้หยุดการลงทุนที่เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรในส่วนของบริษัทเอง หลังจากเผชิญกับผลขาดทุนที่เกิดจากการประเมินทรัพย์สินตามราคาตลาด (mark-to-market) ของพอร์ทการลงทุนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551 การลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนประเภทค้ากำไรส่วนต่าง (Arbitrage Trading) คิดเป็น 15% ของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2554 แผนการดำเนินธุรกิจของ SCBS ยังคงมุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้แข็งแกร่ง และการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีโครงสร้างเฉพาะ (Structured Financial Products) อาทิเช่น หุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาหุ้น (Equity Linked Notes) ให้แก่นักลงทุนรายย่อยประเภท High Net Worth โดยอาศัยเครือข่ายสาขาที่มีขนาดใหญ่ของ SCB

ทั้งนี้ SCBS มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมากจากช่วงต่ำสุดในปี 2551 โดย SCBS มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 86% ในปี 2553 และ 188% ในครึ่งแรกของปี 2554 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ยังมีส่วนสนับสนุนจากรายได้ธุรกิจการจัดจำหน่ายตราสารทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ยต่อปี (ROA) และ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ยต่อปี (ROE) เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 8.6% และ 13.2% ตามลำดับในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 เทียบกับ 5.8% และ 8.6% ตามลำดับ ในปี 2553 ฟิทช์ให้ความเห็นว่าการเปิดเสรีค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์เต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป น่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อส่วนแบ่งการตลาดและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ