โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกรุงเทพ(BBL)จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสินเชื่อปี 54 คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 12-14% เพิ่มขึ้นจากปี 53 โดยในครึ่งปีแรกสินเชื่อขยายตัว 8.5% และครึ่งปีหลังคาดว่าสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้อีก 3.5-5%
ในแง่ Valuation ของ BBL ที่เทรดอยู่เวลานี้ถือว่าราคาดึงดูด เนื่องจากมี upside ค่อนข้างมาก โดยตอนนี้ BBL เทรด P/E แค่ 9 เท่าถูกสุดในกลุ่มแบงก์ที่เทรดกันราว 9.8 เท่า และหากเทียบกับ P/BV อยู่ที่แค่ 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับ P/BV ของแบงก์ขนาดใหญ่อื่น ๆ เทรดในระดับกว่า 2 เท่าแล้ว ทั้งที่ BBL เป็นแบงก์ที่มีสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในบรรดาแบงก์ไทย
อีกทั้ง BBL ยังได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นด้วย ดังนั้น จึงมองว่ากำไรของ BBL อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 26,300-29,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 24,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.ทิสโก้ ซื้อ 230.00
บล.ธนชาต ซื้อ 220.00
บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 210.00
บล.กสิกรไทย ซื้อ 224.00
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 203.55
บล.บีฟิท(ชื่อใหม่ OSK) ซื้อ 208.00
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 226.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 207.00
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 215.00
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อ 194.40(กำลังปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น)
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธุรกิจโดยรวมของ BBL ยังเติบโตได้ดี โดยสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 12% เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่สินเชื่อขยายตัว 10% โดยในครึ่งแรกปีนี้(H1/54)สินเชื่อขยายตัว 8.5% ในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/54)คาดว่าสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้ 3.5%
นอกจากนี้ BBL ยังได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นด้วย เพราะจะทำให้สเปรดของแบงก์เพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลข NIM ปีนี้(2554)คาดว่าจะเฉลี่ยที่ 2.7% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2553 ที่มีตัวเลข NIM ที่ 2.63% ขณะที่ตัวเลขหนี้เสียในตอนนี้ก็ยังไม่พบอะไรที่ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ธุรกิจแบงก์มีการเติบโตตามภาพเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมามีภาพของความผันผวนตามปัจจัยจากต่างประเทศมาก ดังนั้นราคาหุ้นจึงอ่อนไหวกับภาพเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ซึ่งราคาหุ้นที่ผ่านมาผันผวน โดยราคาหุ้น BBL ได้ปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้จนมาถึงตอนนี้มี upside ประมาณ 31% จากราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 157.50 บาท
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 27,900 ล้านบาท เติบโต 13.5% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 24,600 ล้านบาท
ด้านนายวรวัฒน์ สายสุพัฒน์ผล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BBL เนื่องจากมีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยปี 54 สินเชื่อมีการเติบโตที่ดี คาดว่าจะเติบโต 14% ซึ่งในครึ่งปีแรก(H1/54)สินเชื่อเติบโต 8.5% แล้ว ในครึ่งปีหลัง(H2/54)ก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้ 5%
นอกจากนี้ ในแง่ Valuation ของ BBL เวลานี้ที่เทรดอยู่ถือว่าราคาดึงดูด เนื่องจากมี upside ค่อนข้างมาก เกิน 40% โดยตอนนี้ BBL เทรด P/E แค่ 9 เท่าถูกสุดในกลุ่มแบงก์ ที่เทรดกันราว 9.8 เท่า และหากเทียบกับ P/BV. ก็แค่ 1.2 เท่าเอง ทั้งที่ BBL เป็นแบงก์ที่มีสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในบรรดาแบงก์ในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ยังคงมองว่ากำไรของ BBL อยู่ในช่วงขาขึ้น และปีหน้าก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีฯอีกด้วย แม้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกบ้าง แต่ก็มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับ BBL มากนัก พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิประมาณ 25,000 ล้านบาท
ส่วน น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ BBL เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ราคาเป้าหมายตอนนี้ให้ไว้ที่ 194.4 บาท/หุ้น อาจจะมีการปรับขึ้นไปสูงกว่าระดับ 200 บาท/หุ้น ในเร็ว ๆ นี้
เนื่องจาก BBL มีการขยายตัวของสินเชื่อปีนี้สูงมากกว่าปกติ โดยเดิมคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวได้ 8% ในปีนี้ แต่ตอนนี้กำลังปรับประมาณการการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้นไปในระดับประมาณ 10% ขึ้นไป เนื่องจากแค่ครึ่งปีแรก(H1/54)BBL ก็มีการขยายตัวของสินเชื่อได้ในระดับ 8.5% แล้ว จากปกติที่ผ่านมาแต่ละปี BBL มักจะมีการขยายตัวของสินเชื่อในระดับ 4-5% ปีนี้จึงถือว่าเป็นปีที่โดดเด่นของ BBL
นอกจากนี้ ราคาหุ้น BBL ในปัจจุบันถือว่ามี valuation ที่ถูกสุดในกลุ่มแบงก์ฯ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นเทรด P/BV. อยู่แค่ 1 เท่ากว่า ขณะที่แบงก์ขนาดใหญ่อื่น ๆ เทรดในระดับกว่า 2 เท่ากันแล้ว
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทฺธิปี 54 ไว้ที่ 26,300 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 24,600 ล้านบาท ทั้งนี้จะมีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีกในเร็ว ๆ วันนี้ ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่มีการเติบโตมากในปีนี้