นายชวลิต หวังธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ(PHOL)เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทฯเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งด้านความปลอดภัยและธุรกิจบำบัดน้ำต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของทั้งสองธุรกิจยังอยู่ในระดับสูงกว่าคาด หลังจากที่ได้รับผลดีจากนโยบายสนับสนุนความปลอดภัยในการทำงานของภาคอุตสาหกรรม และนโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดใหม่ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจสานต่อโครงการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ด้วยการจัดหาแหล่งน้ำใหม่ให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯในครึ่งปีหลังมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ประเมินว่าธุรกิจอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศ ส่วนธุรกิจน้ำมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก GE Water & Process นอกจากนี้ บริษัทฯ เน้นเรื่องการจัดทำแผน BOO (สัมปทาน) ในการลงทุนเพื่อธุรกิจบำบัดน้ำเสีย โดยการนำอุปกรณ์สำเร็จรูปไปติดตั้งและมีนโยบายในการพัฒนาบุคคลากรในด้านช่าง เพื่อดูแลอุปกรณ์เครื่องจักร
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังจัดกิจจกรรมทางการตลาดต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมนี้บริษัทฯ เตรียมไปโรดโชว์ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี หลังจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความต้องการใช้น้ำสูง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีโรงแรมและรีสอร์ทขนาดใหญ่จำนวนมาก และยังอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก โดยเฉพาะในศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไปโรดโชว์พื้นที่ภาคใต้ และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าจนมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือประมาณ 15 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลงานใหม่ในธุรกิจบำบัดน้ำเสียเป็นน้ำดี เกือบ 20 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะได้งานใหม่มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในครึ่งปีหลังนี้ ฉะนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งปีนี้จะเติบโตที่อัตรา 25% อยู่ที่ 800 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้"นายชวลิต กล่าว
สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ แม้ต้นทุนหลักของบริษัทฯ ที่มาจากธุรกิจด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย จะมีสัดส่วนค่าแรงถึง 60 % แต่เนื่องจากอัตราค่าจ้างส่วนใหญ่เกือบ 100 % ของบริษัทฯ สูงกว่าอัตรา 300 บาทอยู่แล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด