นายชวลิต หวังธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ(PHOL)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนลงทุนธุรกิจจัดจำหนายอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและขยายธุรกิจบำบัดน้ำเสียในประเทศแถบอาเซียน ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศนั้น ๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ อาจจะทำให้บริษัทต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากกระแสเงินสดที่มีและวงเงินกู้ที่มีกับธนาคารพาณิชย์คงไม่เพียงพอ
"ตอนนี้เรามีกระแสเงินสดในมือแค่ 20 ล้านบาท และมีวงเงินจากธนาคาร 200 ล้านบาท ซึ่งรอบรับได้แค่การขยายธุรกิจในประเทศ ดังนั้น หากจะไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ลาว เขมร กัมพูชา ก็อาจจะต้องเพิ่มทุน คาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุป และเห็นการเข้าไปดำเนินการในปี 25"นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 55 เติบโตมากกว่า 15% จากปีนี้ที่บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 800 ล้านบาท หรือเติบโต 25% จากปีก่อน และเชื่อว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะมีอัตราเติบโตมากกว่ารายได้ เนื่องจากการเข้าไปในธุรกิจน้ำดื่มกรอง ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 4/54 และจะเริ่มมีรายได้ในปี 55 ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการ ทั้งโรงงาน โรงแรม และสำนักงานและการที่สินค้าบริษัทมีมาร์จิ้นที่สูง
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/54 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/54 จากนั้นในไตรมาส 4/54 จะเป็นไตรมาสที่มีรายได้ที่สูงเพราะงานที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการจากภาคเอกชนที่เปิดประมูล จากไตรมาส 2/54 ที่ชะลอจากปัญหาทางการเมืองและรอดูความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐที่จะออกมา
ครึ่งปีหลังบริษัทฯเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งด้านความปลอดภัยและธุรกิจบำบัดน้ำต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของทั้งสองธุรกิจอยู่ในระดับสูงกว่าคาด หลังจากที่ได้รับผลดีจากนโยบายสนับสนุนความปลอดภัยในการทำงานของภาคอุตสาหกรรม และนโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดใหม่ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจสานต่อโครงการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น ด้วยการจัดหาแหล่งน้ำใหม่ให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯในครึ่งปีหลังมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ประเมินว่าธุรกิจอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศ ส่วนธุรกิจน้ำมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก GE Water & Process นอกจากนี้ บริษัทฯ เน้นเรื่องการจัดทำแผน BOO (สัมปทาน) ในการลงทุนเพื่อธุรกิจบำบัดน้ำเสีย โดยการนำอุปกรณ์สำเร็จรูปไปติดตั้งและมีนโยบายในการพัฒนาบุคคลากรในด้านช่าง เพื่อดูแลอุปกรณ์เครื่องจักร
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังจัดกิจจกรรมทางการตลาดต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมนี้บริษัทฯ เตรียมไปโรดโชว์ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี หลังจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความต้องการใช้น้ำสูง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีโรงแรมและรีสอร์ทขนาดใหญ่จำนวนมาก และยังอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก โดยเฉพาะในศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไปโรดโชว์พื้นที่ภาคใต้ และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าจนมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือประมาณ 15 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลงานใหม่ในธุรกิจบำบัดน้ำเสียเป็นน้ำดี เกือบ 20 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะได้งานใหม่มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในครึ่งปีหลังนี้ ฉะนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งปีนี้จะเติบโตที่อัตรา 25% อยู่ที่ 800 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้"นายชวลิต กล่าว
สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ แม้ต้นทุนหลักของบริษัทฯ ที่มาจากธุรกิจด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย จะมีสัดส่วนค่าแรงถึง 60 % แต่เนื่องจากอัตราค่าจ้างส่วนใหญ่เกือบ 100 % ของบริษัทฯ สูงกว่าอัตรา 300 บาทอยู่แล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด