บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)(DBSV) ระบุในบทวิเคราะห์เช้านี้ว่า บมจ.อั่งเป่า แอสเสท(PAO) เดิมชื่อ บมจ.ไทยเกรียง กรุ๊ป (TDT) ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ และเป็นหุ้นเข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ภายหลังบริษัทได้หยุดกิจการสิ่งทอ หันมาทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากนั้นได้มีกลุ่มณุศาศิริเข้ามาเพิ่มทุนและปรับราคาพาร์ ซึ่งปัจจุบันเป็น 1.00 บาท ตลาดฯให้สังกัดเป็นหลักทรัพย์หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
DBSV คำแนะนำ"ซื้อ"ที่ราคาหุ้นก่อน SP ที่ 0.38 บาท มี P/E ปี 54 ที่สูงเป็น 11.4 เท่า แต่จะลดลงอย่างรวดเร็วเป็น 6.7 เท่าในปี 55 หากกำหนดราคาพื้นฐานด้วย P/E ปี 55 ที่ 8.0 เท่า ซึ่งสะท้อนการเติบโตที่สูง ราคาพื้นฐานเป็น 0.45 บาท หรือคิดเป็น P/BV ปี 55 ที่ 1 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 19% เราไม่คาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลในงวดปี 54 เพราะยังมีขาดทุนสะสม แต่ปี 55 จ่าย 0.01 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลที่ 2.6%
ทั้งนี้ PAO วางเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบการติดอันดับ 1 ใน 10 ของวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่สามารถสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในทุก Segment อย่างครบถ้วน
ทางด้านผลการดำเนินงาน หลังจากประกาศกำไรสุทธิ 1H54 เป็น 15 ล้านบาท ลดลงมากถึง 82% y-o-y แต่เราคาดว่ากำไรสุทธิในรอบ 2H54 จะกลับมาดีมาก จนทำให้กำไรสุทธิปี 54 เป็น 127 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตถึง 45% y-o-y ส่วนปี 55 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะโตได้ก้าวกระโดดต่อเนื่องอีก 70% y-o-y เป็น 215 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ที่ 1,250 ล้านบาท และจะสามารถรับรู้รายได้ใน 2H54 อีก 600 ล้านบาท จากโครงการบ้านเดี่ยวที่สร้างใกล้แล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ ณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า, ณุศาศิริ สาทร-วงแหวน และณุศาศิริ พระราม 2 รวมทั้งโครงการกฤษณาพระราม 5 นั่นคือเราคาดว่ารายได้จากการขายบ้านตลอดปี 54 เป็น 1,062 ล้านบาท มากขึ้น 68% y-o-y และปี 55 เป็น 2,162 ล้านบาท เพิ่ม 204% y-o-y แรงหนุนนำมาจาก Backlog ที่เหลือมาโอนปี 55 ที่ 650 ล้านบาท
ที่พิเศษคือในปี 55 จะเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในคอนโด พาร์ค เอ็กซ์โซ (ขายได้ 26%) ในช่วงปลายปี 55 ขณะที่ปี 54 ไม่มีการโอนคอนโดแต่อย่างใด ส่วนคอนโดอีกหนึ่งโครงการคือ อัพ-เอกมัย (ขายได้ 42%) จะมีการเริ่มโอนได้ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/54 มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่า 200 ไร่ บนถนนพระราม 2 ที่สามารถจะนำมาพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนปี 55 คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2-3 โครงการ
ระยะเวลาห้ามขายหุ้น(silent period)ของผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 55% ห้ามขายก่อน 1 ปี(แต่หลัง 6 เดือนขายได้ 25%)ฐานะการเงินปานกลาง อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 2Q54 เป็น 1.0 เท่า ส่วนข้อเสียคือการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นณุศาสิริ ซึ่งทำธุรกิจอสังหาฯแต่อยู่นอกตลาดฯ และ PAO มีการซื้อสินทรัพย์จากณุศาสิริมาพัฒนาต่ออาจจะเกิดความคลุมเครือที่ทำให้นักลงทุนสงสัยได้