ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ผันผวน หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ได้เปิดเผยแผนการสร้างงาน และเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้ประกาศใช้มาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,739.49 จุด ลดลง 53.63 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,997.89 จุด เพิ่มขึ้น 85.07 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,568.22 จุด เพิ่มขึ้น 19.85 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,817.10 จุด ลดลง 29.54 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,472.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,848.70 จุด ลดลง 8.20 จุด
หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ อ่อนตัวลง 0.4% ส่วนหุ้นไฮนิกซ์ เซมิคอนดัคเตอร์ พุ่ง 5.4% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้จากการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการลดการผลิตของบริษัทคู่แข่ง ส่วนหุ้นปิโตรไชน่า พุ่ง 1.4% ขานรับดัชนี CPI ของจีน
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการต่างๆที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมาคมธุรกิจ ในรัฐมินเนโซตา เมื่อเวลาประมาณ 24.30 น.วานนี้ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าจะใช้มาตรการใด
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้เปิดเผยแผนกระตุ้นการสร้างงานฉบับใหม่ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งแผนการดังกล่าวมีชื่อว่า "American Jobs Act" คิดเป็นมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานภายในประเทศ
"ประเทศของเราอยู่ในสถานการณ์ที่เร่งด่วน เรายังคงเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีงานทำ และวิกฤตการณ์ทางการเมืองก็ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลงไปอีก คำถามก็คือว่า เราจะสามารถยุติ 'เกมการเมือง' และลงมือทำบางสิ่งบางอย่างจริงจังเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจของเราได้หรือไม่ ในยามที่ประเทศชาติของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตเช่นนี้" โอบามากล่าวต่อสภาคองเกรส โดยมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศสหรัฐ
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อในส่วนของการใช้จ่ายผู้บริโภคพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนส.ค.
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง พุ่งขึ้น 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี