บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด ระบุว่าหลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อหุ้น บมจ.เสริมสุข(SSC) จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเป๊ปซี่จำนวน 110.46 ล้านหุ้น ก็ยังยืนยันว่าขณะนี้ถือว่าสัญญาที่ SSC ทำไว้กับเป๊ปซี่ฯ จะสิ้นสุดในเดือน พ.ย.55 ตามที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้ยกเลิกสัญญากันแล้ว แต่จะรอหารือกับฝ่ายบริหารของ SSC อีกครั้ง
ไทยเบฟฯ ยังไม่มีแนวคิดที่จะเพิกถอน SSC ออกจากตลาดหุ้น และยังมอบหมายให้นายสมขาย บุลกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร SSC ต่อไป
นายฐาปนะ สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า กำหนดสิ้นสุดสัญญาฉบับกับกลุ่มเป๊ปซี่ฯ เลื่อนออกมาจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในเดือน เม.ย.55 เป็น พ.ย.55 หลังจากมีการเจรจาซื้อขายหุ้นกันสำเร็จแล้ว ส่วนหลังจากนั้น SSC จะยังผลิตเครื่องดื่มให้กับเป็ปซี่หรือไม่จะต้องมีการหารือกับฝ่ายบริหารอีกครั้ง
การที่ไทยเบฟฯ เข้าซื้อหุ้น SSC ในราคา 58 บาท ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เนื่องจาก SSC มีรายได้และกำไรที่ดี ถึงแม้มาร์จิ้นจะต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไป แต่ก็เชื่อว่ามีโอกาสจะทำมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ และมาเติมเต็มในธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ของบริษัท โดยในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ SSC ในครั้งนี้ก็พร้อมจะรับซื้อหุ้นทั้งหมด โดยเฉพาะมีด้านการเงินที่อาจจะต้องใช้เม็ดเงินถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะไม่กระทบกับสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ของไทยเบฟฯ
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัท เอสเอสเอ็น ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่แจ้งว่าไม่มีความประสงค์จะขายหุ้น SSC ให้กับไทบเบฟฯ เพราะกลุ่มดังกล่าวมีนโยบายว่าการถือหุ้น SSC เป็นการลงทุนในระยะยาว
นายฐาปนะ กล่าวว่า ไทยเบฟฯ และกลุ่ม SSC มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด เนื่องจาก SSC เป็นผู้กระจายสินค้าของโออิชิ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างธุรกิจให้กระจายสินค้าของกลุ่มบริษัทเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการต่อยอดธุรกิจในอนาคต
"เราไม่คิดจะเอาเสริมสุขฯ ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และยังให้คุณสมชายนั่งบริหารต่อ เพราะเรามองว่ามันจะเชื่อมกันในด้านระบบโลจิสติกส์ด้วยกันได้ ที่ผ่านมาผลประกอบการก็ประจักษ์ให้เห็น และทางด้านเสริมสุขเองก็เข้าถึงลูกค้าโดยตรง ถือว่ามีความถนัดที่แตกต่างกัน"นายฐาปนะ กล่าว