ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่านายเจอร์เกน สตาร์ค สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อคัดค้านโครงการซื้อพันธบัตรของอีซีบีซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยุโรป ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าความขัดแย้งในอีซีบีอาจจะทำให้การแก้ไขวิกฤติหนี้ยุโรปต้องล่าช้าออกไป
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 2.6% ปิดที่ 224.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2974.59 จุด ร่วง 111.24 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5189.93 จุด ร่วงลง 218.53 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5214.65 จุด ดิ่งลง 125.73 จุด
ข่าวการลาออกของนายสตาร์คสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์ และยังสะท้อนความขัดแย้งในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปของอีซีบี โดยก่อนหน้านี้สตาร์คได้ออกมาโจมตีโครงการของอีซีบีในการเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนที่ประสบปัญหาหนี้ เช่นกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปนและอิตาลี
หุ้นพอร์ช เอสอี ร่วงลง 14% หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ดิ่งลง 4.6% หลังจากบริษัทเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร่วงลง 5.3% โดยหุ้นโซซิเอเต เจนเนรัล (ซอคเจน) ร่วงลง 11% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2548 ขณะที่หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นบาร์เคลย์ร่วงลงกว่า 7%
หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันรถยนต์ของอังกฤษ ร่วงลง 4.2% หลังจากมีข่าวว่ากระทรวงยุติธรรมของอังกฤษเตรียมยกเลิกค่าธรรมเนียมบางประเภทที่อาจจะทำให้ต้นทุนการประกันปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจพลังงานรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 15%