นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้เปิดหลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนคาร์บอน เพื่อเพิ่มช่องทางในการระดมทุนให้แก่ภาคธุรกิจ และเป็นการส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยอำนวยความสะดวกในการขาย carbon credit ในประเทศไทยให้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 23 ก.ย.54
ก.ล.ต.มีแนวคิดที่จะเปิดโอกาสให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) สามารถจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนเกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันได้ 2 รูปแบบ กำหนดตามลักษณะการจ่ายผลตอบแทนหรือการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ได้แก่ 1) กองทุนคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Fund) คือ กองทุนเพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยจะได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบ carbon credit และ 2)กองทุนคาร์บอนทั่วไป(General Carbon Fund) คือ กองทุนเพื่อผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งรับกำไร/ขาดทุนจากการลงทุนเป็นเงินสด
กองทุนทั้งสองรูปแบบมีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นหลักไม่ต่ำกว่า 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) (เช่น carbon credit และสัญญาซื้อขาย carbon credit ล่วงหน้า รวมถึงตราสารทุนและตราสารหนี้ของบริษัทที่ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซ) และลงทุนเกี่ยวกับการลด carbon credit ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 65% ของ NAV
“การจัดตั้ง carbon fund จะเป็นกลไกสำคัญในการเป็นตัวกลางเพื่อระดมทุนจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้แก่กิจการที่ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย รวมทั้งมีบทบาทในการรวบรวม carbon credit เพื่อให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการในประเทศอุตสาหกรรมได้เข้าถึงและสามารถซื้อขาย carbon credit ของโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น กองทุนนี้จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แก้ปัญหามลพิษ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกด้วย" นายประเวช กล่าว