ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,040.83 จุด ลดลง 21.54 จุด(-2.03%) มูลค่าการซื้อขาย 22,104.29 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,051.21 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,036.81 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 75 หลักทรัพย์ ลดลง 451 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 98 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงกันทั่วหน้า และตลาดในยุโรปที่ร่วงหนักทุกตลาด 3-4% รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลงด้วย
เนื่องจากตลาดฯได้เจอปัญหาในยุโรปกดดันมากจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป(ECB)ลาออก เนื่องจากเห็นว่ามีความขัดแย้งในเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรในประเทศที่มีปัญหาหนี้สินแถบยูโรโซน ทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤติครั้งนี้จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีปัญหาของกรีซที่ดูเหมือนจะแย่ลง ซึ่งจริง ๆ เดือนนี้กรีซจะต้องได้รับเงินช่วยเหลืออีกรอบจากสหภาพยุโรป(EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) แต่เนื่องจากกรีซไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงในการลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ ทำให้ตลาดฯกังวลว่าการช่วยเหลือรอบใหม่จะมีขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น เวลานี้กรีซจึงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ครั้งต่อไป
นอกจากนี้ ทางด้านสหรัฐฯในเรื่องของแผนการจ้างงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะผ่านสภาคองเกรสหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความกังวลว่าอาจจะผ่านยาก เพราะการเมืองเข้าแทรกแซง ทำให้การกอบกู้เศรษฐกิจของสหรัฐจะไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
สำหรับปัจจัยในประเทศไม่มีเรื่องใหม่ แต่ในด้านเศรษฐกิจไทยก็ต้องรอดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ย่ำแย่จะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยมากแค่ไหน เนื่องจากไทยมีรายได้ส่งออกสุทธิ 14-15% ของ GDP ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นผลกระทบชัดเจนในไตรมาส 4/54
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(13 ก.ย.)น.ส.อาภากรณ์ กล่าวว่า คงจะต้องรอดูทิศทางจากยุโรป และสหรัฐฯในคืนนี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีใครออกมากอบกู้วิกฤตที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มีตลาดฯก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,020-1,000 จุด แนวต้าน 1,050-1,060 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,411.87 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท ลดลง 5.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,304.57 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท ลดลง 7.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,129.09 ล้านบาท ปิดที่ 36.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,085.85 ล้านบาท ปิดที่ 312.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
ADVAVC มูลค่าการซื้อขาย 1,019.82 ล้านบาท ปิดที่ 121.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท