ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (12 ก.ย.) โดยดัชนี Stoxx 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ดือนก.ค. 2551 เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้และอาจทำให้วิกฤตหนี้ลุกลามไปทั่วยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันที่ว่ามูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในฝรั่งเศส
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 2.5% ปิดที่ 218.93 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2854.81 จุด ร่วงลง 119.78 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5072.33 จุด ดิ่งลง 117.60 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5129.62 จุด ร่วงลง 85.03 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในฝรั่งเศส รวมถึงบีเอ็นพี พาริบาส์, โซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) และเครดิต อะกริโคล เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ถือพันธบัตรของกรีซอยู่เป็นจำนวนมาก
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ หุ้นซอคเจน และหุ้นเครดิต อะกริโคล ร่วงลงอย่างน้อย 11% ขณะที่ธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 3.4% ขณะที่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ร่วงลง 1.63% และหุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง ดิ่งลง 1.55%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนางแองเกลา แมร์เคล เปิดเผยว่า รัฐบาลเยอรมนีกำลังอภิปรายเรื่องการใช้มาตรการรับมือกับภาวะลุกลามของหนี้สาธารณะ หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงการหามาตรการหนุนภาคการเงินของกรีซ หากรัฐบาลกรีซไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ
ส่วนหุ้นกลุ่มประกันร่วงลง โดยหุ้นเอเอ็กซ์เอดิ่งลง 9.7% และหุ้นไอเอ็นจีร่วงลง 8.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นชาร์เตอร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทด้านวิศวกรรมของยุโรป พุ่งขึ้น 6.6% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทในเครือของโคลแฟกซ์ คอร์ป ตกลงเข้าซื้อกิจการชาร์เตอร์ อินเตอร์เนชันแนล มูลค่า 1.53 พันล้านปอนด์ หรือ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ