ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากแรงซื้อหุ้นแบงก์,รถยนต์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการประชุมระหว่างผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศส และโปรตุเกส ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ตามเวลาไทย

ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 220.87 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2894.93 จุด บวก 40.12 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5166.36 จุด บวก 94.03 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5174.25 จุด บวก 44.63 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มรถยนต์ โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเดมเลอร์ดีดตัวขึ้น 2.1% เช่นกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600 ส่วนหุ้นพีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง พุ่งขึ้น 2% หลังจากนายฟิลิเป วารอง ซีอีโอของเปอร์โยต์กล่าวว่า บริษัทจะเร่งปรับลดต้นทุนเพื่อรับมือกับแนวโน้มที่ซบเซาในตลาดรถยนต์

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศส และโปรตุเกสจะหารือเรื่องการหาแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปในการประชุมวันนี้ โดยหุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศส ทะยานขึ้น 15% หุ้นดอยช์แบงก์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 8.2% และหุ้นธนาคารยูนิเครดิต พีเอสเอ ของอิตาลี ดีดตัวขึ้น 7.4%

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกเมื่อนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่าการปล่อยให้กรีซผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆที่ใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้นำเยอรมนีจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยไม่ให้กรีซผิดนัดชำระหนี้

รัฐบาลอิตาลีสามารถประมูลขายพันธบัตรอายุ 5 ปีเมื่อวานนี้ มูลค่า 3.9 พันล้านยูโร หรือ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยอัตราผลตอบแทน 5.6% มากกว่าการประมูลครั้งก่อนที่ 4.93% ส่วนความต้องการพันธบัตรในการประมูลครั้งล่าสุดมีมากกว่าปริมาณพันธบัตรที่นำเสนอขายประมาณ 1.28 เท่า น้อยกว่าการประมูลครั้งก่อนที่ 1.93 เท่า