โบรกฯหนุน"ซื้อ"HEMRAJ"Q3/54 กำไรฟื้นตัว-โตโดดเด่นในปี 55 จาก Gheco-one

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 15, 2011 10:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ" บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) จากแนวโน้มกำไรสุทธิที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 3/54 จากช่วงปีแรกที่บริษัทมีผลขาดทุนเล็กน้อย ประกอบกับการที่บริษัทได้ปรับเพิ่มยอดขายที่ดินในปีนี้เป็น 1,700 ไร่ ถือเป็นยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังมีรายได้อื่นๆ ที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งรายได้ค่าเช่าโรงงาน รายได้สาธารณูปโภค

แต่ผลประกอบการของ HEMRAJ จะโดดเด่นในปี 55 ทั้งจากยอดขายที่ดินที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า Gheco-one ที่เริ่มการผลิต และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/55 ซึ่งประเมินรายได้ทั้งปีของ Gheco-one จะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะส่วนเสริมรายได้บริษัทให้แข็งแกร่งมากขึ้น

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามนโยบายของรัฐบาล ในการลดสิทธิประโยชน์ทางบีโอไอ ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจลงทุนในไทยลดลงหรือไม่ โดยเฉพาะการเปิด AEC จะทำให้มีการเปรียบเทียบการลงทุนกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เกียรตินาคิน          ซื้อ                      2.88
          บล.ไอร่า               ซื้อเก็งกำไร               2.30
          บล.โกลเบล็ก            ซื้อ                      3.00
          บล.ธนชาต              ซื้อ                      3.00
          บล.เอเซียพลัส           ซื้อ                      2.34
          บล.ดีบีเอส              ซื้อ                      2.72

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า HEMRAJ ยังน่าสนใจทั้งยอดขายที่ดินและการรับรู้รายได้ โดยในปีนี้บริษัทมีการตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,700 ไร่ ช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้ว 769 ไร่ และคาดว่าทั้งปีน่าจะมียอดขายได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ ที่ยังเติบโต ทั้งรายได้ค่าเช่าโรงงาน รายได้สาธารณูปโภค

ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 54 น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินที่มี backlog 995 ล้านบาทและรายได้ค่าเช่าโรงงานและสาธารณูปโภค

แต่ที่น่าสนใจ คือ รายได้ในปี 55 ของ HEMRAJ จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น และอาจถือเป็นการทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 2,300 ล้านบาท จากการคาดการณ์ว่าบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,800-1,900 ไร่ และจะมีการรับรู้รายได้จากการโอนที่ดินที่มีการยกยอดไปจากปีนี้ รวมถึงจะเริ่มมีการรับรู้รายได้โครงการร่วมทุนในโรงไฟฟ้า GHECO-One ในไตรมาส 2/55 ประมาณ 1,400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจที่ต้องติดตาม คือนโยบายรัฐบาลในการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ BOI ซึ่งจะทำให้ความสนใจเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติลดลง โดยเฉพาะหลังการเปิดเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน(AEC)ที่นักลงทุนคงต้องมีการชั่งน้ำหนักในการลงทุนเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ว่ามีความคุ้มค่าที่จะเข้ามาลงทุนในไทยหรือไม่ แต่หากมองในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ อาจจะต้องมีการขยายการลงทุนได้ต่อเนื่อง เพราะไทยถือเป็นฐานการลงทุนดังกล่าวอยู่แล้ว

“นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกทั้งในสหรัฐและยุโรปที่ อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน แต่ลูกค้า HEMRAJ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ก็อาจมีผลกระทบไม่มาก"นางสาววิชชุดา กล่าว

บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ว่า การที่ HEMRAJ ปรับเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้จากเดิม 1,400 ไร่เป็น 1,700 ไร่ หากทำได้ ถือเป็นยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท จากก่อนหน้านี้เคยทำยอดขายสูงสุดไว้ที่ 1,621 ไร่ในปี 51 โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมียอดขายอยู่แล้ว 769 ไร่คิดเป็น 55% ของเป้าหมายเดิม ขณะที่ปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจในที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากญี่ปุ่น

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/54 แต่เพื่อสะท้อนผลขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก จึงลดคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 642 ล้านบาท

แต่คาดกำไรสุทธิกลับมาโตโดดเด่นในปี 55 คาดว่า HEMRAJ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการรับรู้รายได้เงินปันผลจากโรงไฟฟ้า Gheco-One ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/55 หากเริ่มผลิตจะมีส่วนแบ่งกำไรให้กับ HEMRAJ ประมาณ 1,400 ล้านบาท/ปี (ช่วง 8 ปีแรก) ดังนั้น ในปี 55 ซึ่งบริษัทจะรับรู้กำไรจาก Gheco-One จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผลการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจนิคมประมาณ 1,000 ล้านบาทและส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-One ประมาณ 1,000 ล้านบาท

คงคำแนะนำ "ซื้อ" จากแนวโน้มกำไรสุทธิที่คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 55 และคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นเพื่อสะท้อนผลประกอบการดังกล่าว ราคาเป้าหมายคำนวณจาก EPS ปี 55 โดยประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio และอิง Prospective P/E ที่ 15 เท่า EPS ปี 55 ที่ 0.20 บาทจะได้ราคาเหมาะสมที่ 3 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ