ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 186.45 จุดรับข่าว 5 แบงก์ชาติปล่อยกู้ธนาคารยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 16, 2011 06:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พร้อมด้วยธนาคารกลางชั้นนำอีก 4 แห่งของโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ ประกาศว่าจะจัดหาเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป อันเป็นผลมาจากวิกฤติหนี้สาธารณะ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 186.45 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 11,433.18 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20.43 จุด หรือ 1.72% ปิดที่ 1,209.11 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 34.52 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 2,607.07 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า อีซีบีจะอัดฉีดสภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่ภาคธนาคารของยุโรป ด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนเป็นเวลา 3 เดือนจนถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง อีซีบี, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ,ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารของยูโรโซนตกอยู่ในสภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป

นักวิเคราะห์จากเซนเทรา ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะจะช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องในภาคธนาคารของยูโรโซนให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ข่าวความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีธนาคารเป็นจำนวนมากที่เข้าไปลงทุนซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยุโรโซน โดยเฉพาะพันธบัตรของกรีซ

การประกาศมาตรการกอบกู้ภาคธนาคารของธนาคารกลางชั้นนำทั้ง 5 มีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกับนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซเมื่อวันพุธว่า กรีซยังคง "เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากยูโรโซนได้" ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวขึ้นถ้วนหน้าเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้น 0.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1% เพราะได้แรงหนุนจากยอดการผลิตสินค้าคงทนเพื่อผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น 1.3% และยอดการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 2.6%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนขานรับข่าวความร่วมมือของธนาคารกลางทั้ง 5 แห่ง โดยแทบจะไม่ให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 428,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 417,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 410,000 ราย ขณะที่ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) หดตัวลงสู่ระดับ -8.82 ในเดือนก.ย. จากระดับ -7.72 จุดของเดือนส.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -4.0 จุด

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาทะยานขึ้น 4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดตัวขึ้น 7% ซึ่งนอกเหนือจากข่าวการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางทั้ง 5 แห่งแล้ว หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า นายจอห์น แมค ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ จะลาออกจากตำแหน่งในช่วงปลายปีนี้

หุ้นเอชซีเอ โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นธุรกิจเครือข่ายโรงพยาบาล พุ่งขึ้น 12% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา

อย่างไรก็ตาม หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในโทรศัพท์แบล็คเบอร์รี ทะยานขึ้น 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท เนื่องจากแบล็คเบอร์รีต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างหนักกับสมาร์ทโฟนชั้นนำอย่าง ไอโฟน ของค่ายแอปเปิล อิงค์

หุ้นธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ ดิ่งลง 10% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ อันเนื่องมาจากการซื้อขายที่ไม่ได้รับอนุญาตของเทรดเดอร์รายหนึ่งในฝ่ายวาณิชธนกิจของทางธนาคาร

นักลงทุนจับตาดูการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 56.5 จุด ในช่วงต้นเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.7 จุดของช่วงท้ายเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ