ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวกต่อ 75.91 จุดหลังคลายวิตกหนี้ยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday September 17, 2011 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเล็กน้อยเกี่ยวกับวิกฤติหนี้สินยุโรป หลังจากที่ธนาคารกลางที่สำคัญ 5 แห่งได้ร่วมมือกันเพื่ออัดฉีดดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคารของยุโรป ขณะที่บรรดารัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการหารือเรื่องแผนรับมือวิกฤติหนี้สินในภูมิภาค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 75.91 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 11,509.09 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 6.90 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,216.01 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 15.24 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 2,622.31 จุด

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกัน 5 วันเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นเดือนก.ค. หลังจากอยู่ภายใต้แรงกกดันในช่วงต้นเดือนก.ย. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤติหนี้สินยุโรปกำลังลุกลามออกไปยังหลายประเทศมากขึ้น และกรีซอาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสำคัญๆของสหรัฐได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้ จากความหวังเกี่ยวกับการสนับสนุนมากขึ้นสำหรับกลุ่มประเทศที่มีภาระหนี้สิน โดยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พร้อมด้วยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ, ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่าจะจัดสรรสภาพคล่องสู่ตลาด ซึ่งได้ช่วยผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในระบบการธนาคารยุโรปและหนุนการทะยานขึ้นของราคาหุ้นในช่วงท้ายสัปดาห์

ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจ รายงานเมื่อคืนนี้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนก.ย. โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.8 จุด จาก 55.7 จุดในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมของรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรปที่โปแลนด์ โดยนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้เข้าร่วมหารือด้วย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ที่ประชุมเร่งหาทางแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าสหรัฐเองก็หวั่นเกรงว่าปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มยูโรโซนอาจจะลุกลามไปยังภูมิภาคอื่นๆ

หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี อยู่ในกลุ่มหุ้นที่ได้รับความสนใจ โดยดิ่งลงเกือบ 19% หลังจากบริษัทรายงานว่ารายรับของบริษัทลดลงอย่างหนัก เนื่องจากเผชิญการแข่งขันในตลาดอย่างรุนแรง

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นราว 4.7% ดัชนี S&P พุ่ง 5.4% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 6.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ