บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) คาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนครั้งแรก(IPO)ได้ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จากนั้นจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้ภายในช่วงปลายเดือน ก.ย.หรือต้นเดือน ต.ค.นี้
บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 87.25 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม จำนวน 12.25 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 29% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO โดยหลังการขายหุ้นเพิ่มทุน โดยแบ่งเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป 69.8 ล้านหุ้นและที่เหลือ 17 กว่าล้านหุ้นให้นักลงทุนสถาบัน ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทจะเพิ่มจาก 225 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท
นายประชิตพล หิมะทองคำ ผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น APCS เชื่อว่าหุ้น APCS จะได้รับความสนใจและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากความโดดเด่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการเข้าดำเนินธุรกิจกับประเทศอินโดนีเซียจะส่งผลเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต และไม่กังวลกับภาวะตลาดในช่วงดังกล่าวเพราะหุ้น IPO ยังได้รับความนิยม
ด้านนายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ APCS กล่าวว่า บริษัทมั่นใจกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจมีการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนของชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ คอมเพรสเซอร์ และกล้องภ่ายภาพดิจิตอล ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อน
โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังการเติบโตคาดว่าจะมากกว่าครึ่งแรกที่โต 10% เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์จากไตรมาส 2/54 ที่หดตัวจากผลกระทบสึนามิ และไตรมาส 4/54 จะฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มตามกำลังการผลิตของรถยนต์ในปีนี้ที่คาด 1.8 ล้านคัน รวมถึงจะมีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา
นอกจากนี้ บริษัทจะหันไปให้ความสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนกล้องดิจิตอล ซึ่งมีอัตรากำไร(มาร์จิน)สูงถึง 30% เทียบชิ้นส่วนยานยนต์ที่ 20% และคอมพิวเตอร์ 10% และมองว่าการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยในปี 56 จากการเข้าไปร่วมกับพันธมิตรในอินโดนีเซียที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว 5 แสนเหรียญสหรัฐทั้งการขยายโรงงานและเครื่องจักรจะส่งผลรับรู้รายได้เต็มปีในปี 56 และการรวมกับพันธมิตรดังกล่าวจะทำให้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอาเซียน
"ในปีนี้การเติบโตคงอยู่ในประเทศเป็นหลัก ส่วนการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์คงจะไปเห็นผลในปี 56 ซึ่งการที่นโยบายของภาครัฐลดภาษีรถคันแรกจะดีต่ออุตฯและกับบริษัทฯอย่างมีนัย" นายอภิชาติ กล่าว
นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 87.25 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 12.25 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดขายราคาที่ 5.45 บาท/หุ้น แบ่งเป็นเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 69.80 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 80 ที่เหลืออีก 17.45 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 20 จะเสนอขายต่อสถาบัน โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย.54 และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 29 ก.ย.54< /P>
การเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ทาง APCS ได้แต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย), บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย), บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.บัวหลวง และบล.เอเซีย พลัส
ทั้งนี้ มั่นใจว่าหุ้น APCS จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 37% นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นอกจากนี้ยังจะได้รับผลดีจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวและมีความต้องการใช้ยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบการแผนการเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่และมีความต้องการใช้ยานยนต์สูง
“การกำหนดราคาไอพีโอที่ 5.45 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ration) ย้อนหลัง 1 ปีของบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดฯ โดยราคาดังกล่าวอ้างอิงที่ P/E 9 เท่า ขณะที่ sector อยู่ที่ 14.5 เท่า และตลาดที่ 12.6 ทั้งนี้ในช่วงวันพฤหัสฯและวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจความสนใสใจของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งปรากฎว่ามียอด Book Build เข้ามาแล้วสูงถึง 7 เท่า"นางสาวณัฐรินทร์ กล่าว
นายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอเซีย พริซิชั่น กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการ ก่อสร้างโรงงานเพื่อรองรับการขยายงานของบริษัทในอนาคต และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ