ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรปฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 108.08 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 20, 2011 06:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤติหนี้ยุโรป หลังจากที่ประชุมรมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใดๆที่เฉพาะเจาะจงในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับอียู และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เกี่ยวกับการรับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 108.08 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 11,401.01 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 11.92 จุด หรือ 0.98% ปิดที่ 1,204.09 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 9.48 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 2,612.83 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 6 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากที่ประชุมรมว.คลังของอียูไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนในการประชุมกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองวรอทส์วาฟของโปแลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมได้หารือกันเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป และความคืบหน้าโดยทั่วไปในการปกป้องยุโรปจากวิกฤติหนี้ แต่ไม่มีการประกาศใช้มาตรการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปมีมากขึ้นเมื่อนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่กรีซออกมาชี้แจงว่าสาเหตุที่นายกรัฐมนตรียกเลิกการเดินทางเยือนสหรัฐเนื่องจากในสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่รัฐบาลกรีซจะต้องเปิดเผยมาตรการในการรับมือกับภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจก่อนที่จะได้รับเงินเบิกจ่ายงวดต่อไปจากอียูและไอเอ็มเอฟ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ หลังจากนายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังกรีซประกาศแนวทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศก่อนเข้าร่วมประชุมกับอียูและไอเอ็มเอฟเพื่อหารือถึงความช่วยเหลืองวดต่อไป ซึ่งรวมถึงการที่กรีซจำเป็นต้องลดจำนวนข้าราชการ, ลดหรือไม่เพิ่มเงินเดือนและเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, ขึ้นภาษีน้ำมันฮีทติ้งออยล์, ปิดกิจการรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน, ลดงบประมาณรายจ่ายด้านสาธารณสุข และเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กแทบจะไม่ให้น้ำหนักกับแถลงการณ์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านแผนการสร้งงาน พร้อมทั้งเสนอแผนการลดตัวเลขหนี้สินภายในประเทศมูลค่ารวม 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมถึงการขึ้นภาษี เนื่องจากนักลงทุนมองว่าโอกาสแผนการขึ้นภาษีของโอบามาจะผ่านความเป็นชอบจากสภาคองเกรสนั้น มีน้อยมาก เนื่องจากพรรครีพับลิกันคัดค้านนโยบายการขึ้นภาษีมาโดยตลอด

หุ้นกู๊ดริช คอร์ป ผู้ประกอบธุรกิจวิศวกรรมด้านอวกาศ พุ่งขึ้น 16% จากการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป ให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการกู๊ดริช แต่ข่าวดังกลาวฉุดหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ อ่อนตัวลง 1.2%

หุ้นไทโค อินเตอร์เนชันแนลในกลุ่มผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 2% หลังจากบริษัทประกาศแผนแตกไลน์ธุรกิจออกเป็น 3 บริษัท ขณะที่หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท

หุ้นจิงโค โซลาร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ของจีน ร่วงลง 28% หลังจากบริษัทประกาศปิดโรงงานแห่งหนึ่งในสหรัฐ หลังจากประชาชนในท้องถิ่นประท้วงว่าโรงงานดังกล่าวได้สร้างมลภาวะทางน้ำและอากาศ

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค. วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ