ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จะไม่สามารถยับยั้งการลุกลามของวิกฤติหนี้ยุโรปได้ หลังจากที่ประชุมรมว.คลังอียูไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใดๆที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 108.85 จุด หรือ 2% ปิดที่ 5,259.56 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากความกังวลที่ว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้ หลังจากการประชุมฉุกเฉินระหว่างกรีซ สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวานนี้ไม่มีการแถลงเกี่ยวกับแนวโน้มการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่ต่อกรีซ อย่างไรก็ดี รมว.คลังของกรีซเปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซจะจัดประชุมทางไกลอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ ที่ประชุมรมว.คลังของอียูซึ่งจัดขึ้นที่เมืองวรอทส์วาฟของโปแลนด์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนด้วยเช่นกัน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 6.5% เนื่องจากบาร์เคลย์สมีการลงทุนจำนวนมากในประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซน หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ร่วงลง 6.7% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ดิ่งลงกว่า 5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะทองแดง ตะกั่ว และดีบุกในตลาดลอนดอนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นริโอทินโตดิ่งลง 3.3% หุ้นอันโตฟากัสต้าร่วงลง 8.2%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างผันผวน แม้ธนาคารกลางอังกฤษระบุว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือการเข้าซื้อสินทรัพย์ในวงเงิน 2 แสนล้านปอนด์ของธนาคารกลางอังกฤษในปี 2552 และต้นปี 2553 นั้น ช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษขยายตัวขึ้นราว 1.5-2.0%