โบรกฯ ชู LH-SPALI โดดเด่นรับประโยชน์มาตรการบ้านหลังแรก,SCB ได้อานิสงส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 20, 2011 09:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาการให้สิทฺธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ซื้อบ้านหลังแรก (บ้านใหม่)ข้อเสนอที่พิจารณาได้แก่การคืนภาษี 10% ของราคาบ้าน ทั้งนี้ราคาบ้านจะต้องไม่เกิน 5 ล้านบาทและระยะเวลาในการให้สิทธิพิเศษทางภาษีจะคลอบคลุมเป็นเวลา 5 ปี

เรามองว่าบ้านระดับ กลาง-บนจะได้ประโยชน์มากที่สุด โดยบริษัทที่มีสินค้าบ้านประเภท 3.5-5 ล้านมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ SIRI, SPALI และ LH แต่ชอบ LH และ SPALI เนื่องจากได้ประโยชน์จากข่าวดังกล่าว

สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นของมาตรการได้แก่ ผู้ได้รับสิทธิต้องเป็นเจ้าของบ้านหลังแรก ราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 10% ของราคาบ้าน สูงสุดไม่เกิน 5 แสนบาท ทยอยหักลดหย่อนภาษีภายใน 5 ปี

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า ในแง่ของธนาคารผู้ให้กู้ SCB จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์ที่สุดหากรัฐบาลให้ธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมด้วย แทนที่จะเป็นธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เพียงอย่างเดียว เนื่องจาก SCB เป็นธนาคารที่เป็นเจ้าตลาดทางด้านสินเชื่อบ้าน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/54 SCB มีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อบ้านอยู่ 28.5% นอกจากนี้ SCB ยังเป็นธนาคารที่มีสาขาครอบคลุมที่สุด ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการขอสินเชื่อมากขึ้นด้วย

ขณะที่ LHBANK ถึงแม้ว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดต่ำแต่ฐานสินเชื่อที่ต่ำจะทำให้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด LHBANK ถึงแม้ว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในสินเชื่อบ้านอยู่เพียง 2.7% แต่การที่ LHBANK นั้นมีฐานสินเชื่อต่ำ เนื่องจากเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยขนาดเล็ก มาตรการนี้อาจจะทำให้สินเชื่อของ LHBANK นั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ โดยเราคาดว่า LHBANK จะปล่อยสินเชื่อในปี นี้ได้ 12% จาก เดือน ส.ค. ที่ปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 8%

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของ SCB และ LHBANK และยังคงราคาเหมาะสมของ SCB ไว้ที่ 143 บาท ส่วน LHBANK คงราคาเหมาะสม 1.47 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ" SCB เนื่องจาก SCB จะเป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการบ้านหลังแรกมากที่สุดแล้ว SCB ยังจะได้ประโยชน์จากมาตรการรถยนต์คันแรกด้วย นอกจากนี้ SCB ยังมีการปล่อยสินเชื่อในปี 2554 ได้อย่างโดดเด่นจากการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ โดย SCB มีสินเชื่อในปี 2554 เพิ่มขึ้นแล้วถึง 11.4% สูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ และเป็นรองเพียง TISCO ที่ปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 18.3% เพียงธนาคารเดียว

ส่วน LHBANK ถึงแม้เราจะมองว่าจะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากมาตรการบ้านหลังแรกมากเช่นกัน แต่ยังไม่น่าจะทำให้การปล่อยสินเชื่อของ LHBANK เพิ่มขึ้นเท่ากับเป้าที่ตั้งไว้สูงถึง 20% ได้ และการที่ LHBANK เป็นธนาคารเพื่อรายย่อยทำให้มีข้อจำกัดในการทำธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบราคาเหมาะสมของเรากับราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าเต็มมูลค่าแล้ว จึงแนะนำ “ขาย"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ